spicy&ginger สุดยอดร้ายอาหารไทยในดูไบ

1003

ร้านอาหารไทย spicy&ginger เป็นธุรกิจหนึ่งของฮํจยะห์ฮาลีมะห์ ศรีมาลา ที่ดูไบ เปิดพร้อมกับร้านนวดชายและหญิง เคียงคู่กัน 3 คูหา โดยมีบุตรชาย “อาลีฟ หอประเสริฐกุล” เป็นผู้บริหาร

แนวคิดการเปิดร้านอาหารไทยในดูไบ เกิดจากความต้องการของคนดูไบที่ต้องการให้เปิดร้านนวดที่ดูไบ จากความประทับใจร้านในนวดที่”อัจมาน”ห่างจากดูไบประมาณ 20 กิโลเมตร เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าที่สุดจึงต้องเปิดร้านอาหารควบคู่ไปด้วย ประกอบกับบุตรชาย “อาลีฟ หอประเสริฐกุล” เรียนจบเชฟจากมหาวิทยาลัยดุสิต และเสร็จสิ้นจากการฝึกงานกับมิชชาลีนที่อเมริกาเป็นเวลา 1 ปี จึงตั้งใจเปิดร้านอาหารให้ลูกชายบริหาร

อาลีฟ กล่าวว่า เป็นคนชอบทำอาหาร จึงไปลงเรียนที่มหาวิทยาลัยดุสิต เมื่อจบมีโอกาสไปฝึกงานกับเชฟระดับแมชชาลีน ที่สหรัฐอเมริกา ได้เรียนรู้ระบบการบริหารจัดการร้านอาหาร การออเดอร์ การบริหารจัดการพนักงาน การแบ่งเซคชั่นการทำอาหาร เป็นพื้นฐานเพื่อนำมาใช้ในการบริหาร้านอาหาร

“การมาเปิดร้านอาหารที่ดูไบ เพราะมีแม่(ฮัจยะห์ฮาลีมะห์ ศรีมาลา นักธุรกิจหญิงไทยที่ทำธุรกิจที่ดูไบมากว่า 20 ปี” ที่อยู่ดูไบมานานมาก รู้จักตลาดดูไบเป็นอย่างดี และตัวเองก็เติบโตที่ดูไบ จึงพอจะรู้จักคนดูไบและเห็นว่า เขาขอบอาหารไทยมาก จะเรียกว่า รักเลยก็ได้ ซึ่งอาหารไทยที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว อย่างต้มยำกุ้ง แกงมัสมั่น ส้มตำ เหมือนที่คนไทยชอบทานอาหารญี่ปุ่น และตลาดยังไม่เยอะ เป็นนิชย์มาร์เก็ตที่ยังมีคู่แข่งไม่มากนัก” อาลีฟ กล่าว

อาลีฟ กล่าวว่า จุดขายของร้าน spicy&ginger คือเน้นความเป็นไทย รสชาติอาหารแบบไทย บริการแบบไทย แต่รสชาติก็ไม่เผ็ดมากเหมือนที่เมืองไทย เผ็ดครึ่งหนึ่งของเมืองไทยตามที่คนดูไบชอบ แต่รสชาติจะไม่ผิดเพี้ยนจากที่เป็นของไทยแท้ๆ เมนูอาหารที่ร้าน ที่เป็นตัวชูโรง ก็เป็นต้มยำกุ้ง หอยทอด ผัดไทย แพนง เขียวหวาน มัสมั่น แกงส้ม ซุบเนื้อ ต้มข่าไก่ ส้มตำ ลาบ น้ำตก เป็นต้น ประมาณ 50 เมนู

“อาหารที่คนดูไบชอบที่สุด มีผัดไทย ข้าวผัดปู กุ้ง ต้มยำ เส้นบะหมี่สำเร็จรูปต้มยำ โดยวัตถุดิบเกือบทั้งหมดนำเข้าจากประเทศไทย อาทิ ใบกระเพรา เห็ดฟาง ข่า ตะไคร้ ที่มีผักจากพื้นที่บาง อาทิ แครอต หอมใหญ่ พนักงานส่วนใหญ่เป็นคนไทย โดยเฉพาะคนในครัว เพราะต้องการสื่อให้คนดูไบทราบว่า เราเน้นความเป็นไทย” เจ้าของร้านอาหารวัยหนุ่ม กล่าว

อาลีฟ กล่าวถึงการบริหารร้านว่า มั่นใจว่า จะนำพาร้านไปได้ แม้จะมีค่าเช่าแพง แต่มีคู่แข่งน้อย ไม่ต้องสร้างแบรนด์เหมือในประเทศไทยที่มีคู่แข่งมาก กว่าจะติดตลาดจะต้องใช้เวลา ที่สำคัญเรามีแบรนด์อาหารไทยที่เป็นที่ยอมรับอยู่แล้ว

“การทำตลาด อันดับแรกทำอาหารให้อร่อยก่อน เมื่ออาหารอร่อยคนมาทานก็จะพุดกันปากต่อปาก และจะทำตลาดผ่านโซเชียลด้วย เพื่อให้คนดูไบรับทราบ เพราะปัจจุบันโลกออนไลน์นับว่ามีบทบาทมาก ซึ่งคาดหวังว่า ในเบ้องต้น ร้านspicy&ginger จะเป็นร้านที่ติด 1 ใน 10 ร้านอาหารไทยในดูไบที่ได้รับการยอมรับจากจำนวนร้านอาหารไทยกว่า 20 ร้าน และที่สำคัญคือ การสนับสนุนจากคุณแม่ ที่ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ในทุกเรื่อง ทั้งการบริหารจัดการ ” อาลีฟ กล่าว

ด้านฮัจยะห์ฮาลีมะห์ ศรีมาลา กล่าวว่า ได้เทรนด์งานให้ทั้งหมด และเขาเป็นลูกที่ดี ทำตามในสิ่งที่ได้แนะนำ ในฐานะที่ทำธุรกิจมานาน จะมองว่า อะไรที่เกิดปัญหาในวันข้างหน้าบ้าง การรับมือกับปัญหาว่า จะทำอย่างไร ก็ได้สอนได้ถ่ายทอดให้รับทราบ ซึ่งเขาก็สามารถทำได้

“แนวคิดระหว่างคน 2 รุ่น อาจจะมีบ้าง แต่เมื่อเกิดเหตุกะทันหัน เหตุฉุกเฉินขึ้นมา เขาก็จะเห็น่ว่า ประสาบการณ์ของคนรุ่นเก่าจะช่วยได้มาก แต่บางอย่างถ้าเขาอยากทำ ในสิ่งที่เราอาจจะไม่เห็นด้วย ก็จะให้คำแนะนำว่า ถ้าทำอย่างนี้ จะเกิดปัญหาอะไรตามมา แล้วจะรับมือได้หรือไม่ ซึ่งจะต้องยอมรับสภาพให้ได้ แต่ถ้ามีหนทางที่จะหลีกเลี่ยวได้ ก็ควรจะไปตามทางที่จะไม่เกิดปัญหา ซึ่งเขาก็ทำได้” นักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จในดูไบ กล่าว

“จะใช้การพูดคุยกันเป็นหลัก ในการตัดสินใจทำอะไร จะอธิบายในส่วนที่เห็นว่า จะเกิดผลดีอย่างไร แม่ก็จะให้คำแนะนำว่า จะเกิดผลเสียอย่างไร ซึ่งความคิดของเรา บางทีก็มองเห็นแต่ข้อดี มองไม่เห็นผลเสีย ก็นำความรู้ของเราผสานกับประสบการณ์ของแม่ เพื่อให้การบริหารร้านมีความราบรื่น และประสบความสำเร็จ” อาลีฟ กล่่าวทิ้งท้าย

การเปิดร้านอาหารไทย spicy&ginger ที่ดูไบของฮัจยะห์ฮาลีมะห์ และอาลีฟ บุตรชาย นับเป็นอีกความท้าทายหนึ่ง ซึ่งต้องดุอาว์ให้ประสบความสำเร็จ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า มุสลิมไทยสามารถสร้างความสำเร็จได้ในหลายๆด้าน