อัล มิรอช ผู้นำโรงแรมฮาลาลของไทย เปิดตัวเป็นทางการ 11 ก.พ.นี้ ลูกค้ามุสลิมทั่วโลกให้การตอบรับสูง

998

อัลมิรอซ โรงแรมฮาลาลระดับ 4 ดาว เปิดเป็นทางการเสาร์นี้ หลังทดลองเปิดให้บริการมาเกือบ 1 ปี ระบุ ลูกค้ากลุ่มมุสลิม อาเซียน-ตะวันออกลาง-ยุโรป-จีน ให้ความนิยม เตรียม ปรับอพาเมนต์เป็น โรงแรมรองรับลูกค้าระดับกลางลงล่าง

โรงแรมอัล มีรอซ (AL MEROZ) รามคำแหงซอย 5 ของกลุ่มธุรกิจทีเอสแฟมมิลี่กรุ๊ป ตระกูลมูลทรัพย์ ที่ได้ลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท เป็นฮาลาลโฮเต็ลระดับ 4 ดาวอย่างสมบูรณ์แบบแห่งแรกของไทย เตรียมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ หลังทดลองเปิดให้บริการมาเกือบ 1 ปี ได้รับความนิยมจากลูกค้า มุสลิมจากทั่วโลก มีลูกคาเข้าพักเฉลี่ยประมาณ 70% ได้รับมาตรฐานเดอะ ลีดดิ้ง ฮาลาลโฮเต็ลจากองค์กร Gulf Halal ในดูไบ

คุณรอศักดิ์ มูลทรัพย์ ประธานกรรมการโรงแรมอัลมิรอซ

นายรอศักดิ์ มูลทรัพย์ ประธานกรรมการบริหาร โรงแรมอัล มีรอซ (AL MEROZ) เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดมุสลิมเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงมาก มีประชากรถึง 1.6 พันล้านคน คิดเป็น 23% ของสัดส่วนประชากรโลก และมีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็น 2.2 พันล้านคนในปี 2030 คิดเป็น 26.4% ของจำนวนประชากรโลก ด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นตลาดที่มีความน่าสนใจและมีศักยภาพสูง ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยยังไม่มีสถานที่พัก ที่รองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้แบบฮาลาล 100%

“ผมทำธุรกิจอพาร์ตเมนต์และร้านอาหารโซเฟีย เป็นร้านอาหารฮาลาลที่เปิดกว่า 20 ปี และรับกรุ๊ปทัวร์มุสลิมมากว่า 10 ปีแล้ว เห็นศักยภาพของตลาด จึงได้ร่วมลงทุนกับพี่น้อง ด้วยงบ 1,000 ล้านบาท ไม่รวมมูลค่าที่ดิน เปิดธุรกิจฮาลาลโฮเต็ล 100% ในชื่อ Al Meroz ซึ่งมีความหมายว่า มรดก เพื่อให้บริการลูกค้ากลุ่มมุสลิมและลูกค้าทั่วไป ใช้เวลาก่อสร้าง 2 เปิดให้บริการอย่างไม่เป็นทางการเมื่อประมาณมีนาคม 2559”

โรงแรมอัล มีรอซ ตั้งอยู่บนพื้นที่เกือล 5 ไร่ บนถนนรามคำแหงซอย 5 ซึ่งเป็นที่ดินของตระกูลมูลทรัพย์ ก่อสร้างเป็นตึกสูง 16 ชั้น มีห้องพัก 242 ห้อง เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว มีห้องประชุมจัดเลี้ยงขนาดใหญ่จุคนได้ 500-1,200 คน ห้องอาหาร 3 ห้อง ห้องละหมาด ฟิตเนส และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ โดยมีพนักงานมุสลิมกว่า 60% ซึ่งจะบริหารงานโดย นายสัญญา แสงบุญ กรรมการผู้จัดการและผู้จัดการทั่วไป และคาดว่าธุรกิจโรงแรมจะคุ้มทุนภายใน 7 ปี

“ที่ผ่านมาโรงแรมได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้ากลุ่มมุสลิม ทั้งในประเทศไทย อาเซียน (มาเลเซีย-อินโดนีเซีย) ตะวันออกกลาง มุสลิมจากยุโรป และล่าสุดลูกค้ามุสลิมและไม่่มุสลิมจากจีนมีอัตราการเข้าพักสูง และขณะนี้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดิอารเบียกำลังจะยกระดับขึ้น จะช่วยให้ลูกค้าจากซาอุฯ เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น” นายรอศักดิ์ กล่าว

นายรอศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทมีแผยขยายธุรกิจโรงแรม โดยการรีโนเวทอพาทเมนต์ ซึ่งตั้งอยู่ในซอย 5ถนนรามคำแหง ให้เป็นที่พักรายวัน รองรับกลุ่มลูกค้าที่ไม่สามารถพักในอัลมิรอชได้ และกำลังจะสร้องช้อปปิ้งมอลล์ขนาดเล็กๆบนพื้นที่ตรงกันข้ามกับโรงแรม เพื่อสนองตอบลูกค้าของโรงแรมให้มีสถานที่ซื้อสินค้าและบริการ และจะทำอาคารลานจอดจอด เพื่อให้สามารถรองรับลูกค้าได้

“มีการพูดถึงว่า จะทำให้ซอย 5 เป็นถนนคนเดิน เพื่อให้สามารถรองรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าฮาลาลที่หลากหลาย ซึ่งอยู่ระหว่างการวางแผนว่า จะดำเนินการได้แค่ไหนอย่างไร เพราะซอย 5 เป็นที่ดินของตระกูลมูลทรัพย์ และได้มีการกันที่ดินสำหรับการสร้างบ้านของแต่ละครอบไว้แล้ว ที่เหลือเป็นอพาทเมนต์ ซึ่งง่ายที่จะดำเนินการ ” นายรอศักดิ์ กล่าวถึงธุรกิจใหม่ของเครือ ทีเอสแฟมมิลี่กรุ๊ป

สัญญา แสงบุญ กรรมการผู้จัดการและผู้จัดการทั่วไป โรงแรมอัล มีรอซ

ด้านนายสัญญา แสงบุญ กรรมการผู้จัดการและผู้จัดการทั่วไป โรงแรมอัล มีรอซ เผยว่า โรงแรมเปิดซอฟต์โอเพนนิ่งปลายพฤศจิกายน ขณะนี้มีอัตราผู้เข้าพัก 65% มีสัดส่วนลูกค้าจากยุโรป 50% และเอเชีย 50% ซึ่งรวมถึงตลาดมุสลิมระดับไฮเอนด์ ที่มียอดใช้จ่ายราว 10,000 บาทต่อวัน กลุ่มลูกค้าทั้งหมดนี้มาจากการขายผ่านเอเย่นต์ 30% ที่เหลือเป็นทางออนไลน์และกลุ่มคอร์ปอเรต คาดว่าภายใน 3 ปี จะมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยได้ 80%

“ในเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ยอดเข้าพักมากกว่า 90% บางวันเกือบ 100% สะท้อนให้เห็นว่า ลูกค้าได้ให้ความเชื่อมั่นต่อโรงแรมมากพอสมควรแล้ว แต่เราก็ต้องทำตลาดต่อไป เพื่อเป็นการตอกย้ำลูกค้า โดยปีนี้ได้จัดงบการตลาด 50 ล้านบาท เป้าหมายเพื่อโปรโมทคอนเซ็ปต์ฮาลาลให้เป็นที่รู้จัก ทั้งในและต่างประเทศ โดยในเมืองไทย เรายังไม่มีคู่แข่งฮาลาลโฮเต็ลที่เป็นระดับ 4 ดาว ส่วนคู่แข่งต่างประเทศ คือ เกาหลี และญี่ปุ่น โดยทั้งสองประเทศกำลังมีความตื่นตัวในฮาลาล มีโปรเจกต์เกี่ยวกับฮาลาลราว 40-50 แห่ง” นายสัญญา กล่าว

แนวทางการตลาดของโรงแรม เน้นเรื่องของโรดโชว์ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและร่วมงานเทรดโชว์ที่เบอร์ลิน ดูไบ และลอนดอน โดยกลุ่มเป้าหมายลูกค้ามุสลิมและต่างศาสนิกชนในแถบเอเซีย เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย รวมถึงแถบตะวันออกกลางและยุโรป เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี และอังกฤษ รวมถึง กลุ่มลูกค้าชาวจีนที่เป็นมุสลิมซึ่งมีประมาณ 30 ล้านคน ลูกค้ากลุ่มสถานทูต ขณะเดียวกัน กลุ่มลูกค้าที่มาเป็นลูกค้าหลักของโรงแรมคือ กลุ่มลูกค้านักกีฬา อาทิ ฟุตบอลที่จะมีการแข่งขันคัดเลือกฟุตบอลโลกระหว่างไทยกับซาอุฯ มีกลุ่มนักกีฬามุสลิมเป็นหลัก เพราะไม่ต้องห่างเรื่องอาหาร

โรงแรมอัลมิรอซ จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ โดยในช่วงเช้าเวลา 10.00 น.มีพิธีทางศาสนาอิสลาม มีจุฬาราชมนตรี เป็นประธาน ช่วงค่ำ มีนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน

บรรยากาศภายในโรงแรมออกแบบตามสถาปัตยกรรมอารเบียน
ห้องพักกว้างขวาง สะดวกสบาย
อัลมิรอช ตั้งอยู่บนถนนรามคำแหง สามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ได้โดยสะดวกสบาย
อาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติและอาหารมุสลิม รองรับลูกค้าได้ทุกกลุ่ม
ห้องประชุม
บรรยากาศลานจัดเลี้ยงบนดาดฟ้า
สระว่ายน้ำ มองเห็นทิวทัศน์ 360 องศา