จุตินำทีมพม.ลงพื้นที่ชุมชนมุสลิม ฝึกอาชีพ ย้ำดูแลทุกฝ่าย-เร่งแก้ปัญหาแม่เลี้ยงเดียว

97

จุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนสังคมฯ นำทีมผู้บริหารกระทรวงพม.ลงพื้นที่ชุมชนมุสลิม ณ มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามฯ ฝึกอาชีพ สร้างอาชีพ ย้ำดูแลคนทุกกลุ่ม เน้นแก้ปัญหาพ่อ-แม่เลี้ยงเดี่ยวหลังเกิดกรณีสามีนำภรรยาขายตัว

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 10.30 น. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) พร้อมด้วยผู้บริหารกของกระทรวงลงพื้นที่ชุมชนมุสลิม ณ มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย ย่านคลอง โดยนานสามารถ มะลูลีม อดีตส.ส.กทม. ในฐานะประธานมูลนิธิฯและคณะกรรมการมูลนิธิฯ และชสวบ้านมุสลิมจำนวนหนึ่งให้การต้อนรับ

นายจุติ กล่าวว่า กล่าวว่า ได้นำคณะผู้บริหารกระทรวง พม. ลงพื้นที่ ณ มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย ตามที่เคยสัญญาไว้กับนายสามารถว่า จะมาดูแลพี่น้องมุสลิมในพื้นที่ ซึ่งในการดูแลได้ให้ความสำคุญกับทุกกลุ่ม ซึ่งในส่วนมุสลิมได้ให้ความสำคัญได้ลงพื้นที่จ.ปัตตานี ตั้งแต่ 4 วันแรกที่ได้รับตำแหน่ง เพราะเห็นว่า มีกลุ่มที่มีศักยภาพในการพัฒนา พร้อมทั้งได้ขอตัวนางสาว ซาราห์ บินเย๊าะ มาเป็นที่ปรึกษาวิชาการพัฒนาสังคม (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) ระดับ 10 เทียบเท่าอธิบดีเพื่อมาเป็นที่ปรึกษาทำงานให้กับพี่น้องมุสลิม

ซอยรามคําแหง 2 กรุงเทพฯ เพื่อพบปะเยี่ยมให้กำลังใจกลุ่มแม่เลี้ยงเดี่ยวและเด็กกำพร้า ครอบครัวผู้ประสบปัญหาทางสังคมจากชุมชนมุสลิมในพื้นที่เขตสวนหลวง พร้อมทั้งมอบถุงให้กำลังใจ “ด้วยความห่วงใย จากกระทรวง พม.” จำนวน 50 ถุง

‘การมาในวันนี้ ได้นำนายเอ็มฮีซาม กือเดร (เชฟเล็ก) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท โอเรียนท์ พาราไดซ์ จำกัด สาธิตการทำอาหารสำหรับการประกอบอาชีพให้พี่น้องที่สนใจ เชฟเล็กเป็นเชฟที่มีความสามารถทำอาหารให้กับสถานทูต ใครสนใจสามารถเข้ามาเรียนเพื่อเป็นได้’นายจุติ กล่าว

ขณะที่กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ได้จัดกิจกรรมสาธิตทำผลิตภัณฑ์จากเศษผ้าของแม่เลี้ยงเดี่ยว พร้อมทั้งจำหน่ายสินค้าจากศูนย์แม่เลี้ยงเดี่ยวที่ว่างงาน และร่วมกับมูลนิธิสงเคราะห์ชาวไทย (Smiles for Everyone Foundation) และบริษัท คอลเกต – ปาล์มโอลีฟ จำกัด จัดกิจกรรมการให้ความรู้และบริการทันตกรรมด้วย

นายจุติ กล่าวถึงกรณีปัญหา น้องนิ่ม ที่สามีนำไปขายตัวว่า สถาบันครอบครัวถือเป็นจุดสำคัญ พม.มีความพยายามให้ครอบครัวเข้มแข็ง ให้พ่อแม่เลี้ยงดูบุตรหลานให้เติบโตมีความเข้มแข็ง โดยให้ความสำคัญกับพ่อ แม่เลี้ยงเดี่ยว และครอบครัวผู้ประสบปัญหาทางสังคม ให้มีอาชีพเลี้ยงตนเองได้ อย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และทำให้ชุมชนเข้มแข็ง มีหลักศาสนาค้ำจุนให้ชุมชนและสังคมมีคุณภาพต่อไปซึ่งกระทรวง พม. พยายามจะจัดการแก้ปัญหาครอบครัวกลุ่มเปราะบาง รวมทั้งพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว เพราะว่าได้ถอดบทเรียนจากต่างประเทศมาว่า ถ้าครอบครัวไม่เข้มแข็ง และขาดการเอาใจใส่ลูกหลาน จะทำให้สังคมมีปัญหาได้

ปัจจุบันพบว่า มีแม่เลี้ยงเดี่ยวที่อยู่ในทะเบียน จำนวน 150,000 คน แต่คาดว่ามีพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ไม่ได้ลงทะเบียนประมาณ 500,000 คน โดยสิ่งที่กังวลในวันนี้ คือ ปัญหาเศรษฐกิจและโลกที่เปลี่ยนแปลงไป จะทำให้มีลูกหลาน จำนวน 3,500,000 คน ต้องอยู่ในความดูแลของปู่ ย่า ตา ยาย

ดังนั้น ต้องไปจัดการกับปัญหาที่ต้นเหตุ คือ ทำอย่างไรที่จะสร้างความเข้าใจให้กับเด็กและเยาวชน ต้องมีความพร้อมก่อนมีครอบครัว และอย่าตั้งครรภ์ในวัยเรียน นอกจากนั้น จะต้องสร้างทักษะและองค์ความรู้ให้ เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุด แต่สำหรับคนที่ผิดพลาดไปแล้ว อย่าไปคิดที่จะจบชีวิตและท้อถอย เพราะชีวิตมีทางออกอยู่เสมอ

นายจุติ กล่าวว่า กระทรวง พม. ช่วยสร้างทักษะและโอกาสให้ชีวิตทุกคนอยู่ได้ด้วยความมั่นคง โดยบูรณาการกับทุกกระทรวงและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงศึกษาธิการ วางแผนช่วยเหลือหลังคลอดลูกแล้ว เพื่อกลับไปเรียนหนังสือต่อ กระทรวงแรงงาน ช่วยเหลือเรื่องการประกอบอาชีพและต้นทุนเบื้องต้น ซึ่งกระทรวง พม. ได้มีการเจรจากับธนาคารของรัฐให้การสนับสนุนด้วย เพื่อให้ได้มีชีวิตที่สองที่มั่นคงกว่าเดิม

โดย พม. จะเข้าไปแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยบูรณาการกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องทั้งในด้านการศึกษา สุขภาพ และการฝึกอาชีพ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติ

หลังจากนั้น นายจุติ ผู้บริหารพม. และผู้บริหารมูลนิธิ ได้ร่วมกันแจกถุงยังชีพให้ชาวบ้านยากไร้