ตำรวจอ้างก่อเหตุบ่อย เหตุไม่มีลาดตระเวณ คนร้ายทำสะดวก

149

จากกรณีคนร้ายลอบขว้างระเบิดใส่จุดตรวจ บ้านเรือนราษฏร ฐานปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ อส.ป่วนพื้นที่นราธิวาส รวม 7 อำเภอ กว่า 13 จุด เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำของคืนวันที่ 19 เม.ย.60 ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 20 เม.ย. พล.ต.ต.มันส ศิกษมัส ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ขุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเหยี่ยวดง หน่วยปฏิบัติการพิเศษ จ.นราธิวาส หรือ EOD และเจ้าหน้าที่ขุดกองวิทยาการ และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ รุดตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุที่ฐานปฏิบัติการฉุดเฉพาะกิจหมวดลาดตระเวรหน่อยปฏิบัติการพิเศษนราธิวาส 22 ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเทศบาลตำบลตันหยงมัส อ.ระแงะ หลังจากถูกคนร้ายลอบนำระเบิดขว้างใส่เจ้าหน้าที่ขณะกำลังตั้งด่านตรวจรักษาความปลอดภัยฐานปฏิบัติการ จนเสียงดังสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับใช้อาวุธปืนประจำกายยิงสกัดคนร้ายเพื่อไม่ให้ลอบเข้ามาทำร้ายเจ้าหน้าที่และฐานปฏิบัติการ พบว่าคนร้ายลอบเข้ามาทางด้านหลังของสวนยางพาราซึ่งเป็นป่ารกทึกฝั่งตรงกันข้ามกับฐานปฏิบัติการโดยใช้ระเบิดชนิดแสวงเครื่องบรรจุไว้ในกล่องเหล็กผสมพลาสติกน้ำหนัก ประมาณ 5 – 7 กก.แล้วขว้างใส่เจ้าหน้าที่ขณะกำลังยืนตั้งด่านตรวจลอยห่างจากฐานประมาณ 50 เมตร แต่โชคดีที่ระเบิดกระทบกิ่งไม้ก่อนจึงตกลงมาให้กับเสาไฟฟ้าเจ้าหน้าที่จึงไม่ได้รับบาดเจ็บ

โดยที่บริเวณใกล้เสาไฟฟ้าริมถนนนั้น เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดพบร่องรอยของระเบิดที่ตกลงมาเป็นรอยต้นไม้ขนาดเล็กราบเป็นหน้ากลองกว่างประมาณ 2 เมตร ยาว 2.50 เมตร หลุมลึก ประมาณ 15 ซ.ม.มีเศษสะเก็ดระเบิดกระจายเกลื่อนพื้นจึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน และยังพบว่าคนร้ายใช้ระเบิดชนิดเดียวกันก่อเหตุในพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องที่ผลิตขึ้นมาเองมีขนาดเล็กน้ำหนักน้อยสามารถโยกย้ายหรือซ่อนได้ง่าย 

   

        จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังเดินเท้าเข้าไปตรวจสอบเพิ่มเติมบริเวณภายในสวนยางพาราในรัศมี 100 เมตร พบเศษสลักกระเดื่องจุดระเบิดตกหล่นอยู่ภายในสวนยางพารา ห่างจากจุดหลุมระเบิด ประมาณ 80 เมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าคนร้ายน่าจะนำมาทิ้งไว้ก่อนจะหลบหนีไป จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานพร้อมนำไปตรวจลายนิ้วมือแฝงและอี.เอ็น.เอ.เพื่อเป็นหลักฐานเชื่อมโยงคนร้ายกลุ่มนี้แล้ว

แหล่งข่าวระดับสูงในพื้นที่รายหนึ่งวิเคราะห์ถึงการลงมือก่อเหตุร้ายต่อเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ว่า สาเหตุที่คนร้ายสามารถออกมานำกำลังและเคลื่อนย้ายวัตถุระเบิดได้สะดวกไปก่อเหตุพร้อมๆกันในหลายจุดได้โดยง่ายในครั้งนี้นั้น เนื่องจากว่าในช่วงเวลากลางคืนเจ้าหน้าที่ที่รับผิดขอบบนเส้นทางถนนรอบนอกไม่มีการออกมาลาดตระเวรในช่วงเวลากลางคืนจึงเป็นช่องโหว่ของคนร้ายที่สามารถออกมาก่อเหตุได้ตามใจชอบรวมทั้งยังสามารถเลือกเป้าหมายอ่อนแอในพื้นที่เสี่ยงได้ง่ายเพราะคนร้ายพักผ่อนในเวลากลางวันแต่มาก่อเหตุในเวลากลางคืน ส่วนเจ้าหน้าที่ทำงานเวลากลางวัน แต่พักผ่อนในเวลากลางคืน.

​ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส