‘สว.สมชาย’ ยกกฎหมายแพ่ง มัด ‘พิธา’ ชี้เปรี้ยง เป็นเจ้าของหุ้นสมบูรณ์แล้ว

37

“สมชาย แสวงการ” ยกกม.แพ่ง ชี้ เจ้าของมรดกเสียชีวิต”พิธา” คือหนึ่งในทายาทโดยธรรม หุ้นนั้นตกเป็นของพิธาด้วยทันทีที่บิดาเสียชีวิต จี้ กกต.ส่งศาลรธน.วินิจฉัย 

วันที่ 10 พ.ค.2566 นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสถา โพสต์เฟซบุ๊กกรณีมีการตรวจสอบพบข้อมูลว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือหุ้นบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น ว่า

#คดีพิธาถือหุ้นสื่อ
#กกต.ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญ

คดีพิธา ถือหุ้นสื่อ itv 42,000หุ้น จะอ้างเรื่องการเป็นผู้จัดการมรดกตั้งแต่บิดาเสีย เมื่อ2549 ผ่านมา 17 ปียังไม่ได้แบ่งมรดก ก็ยังปฏิเสธการเป็นผู้ถือหุ้นitv ไม่ได้ เพราะ

1)การเป็นเจ้าของหุ้น เริ่มตั้งแต่เจ้ามรดกเสียขีวิต หุ้นนั้นตกเป็นของทายาททันทีที่เจ้ามรดกเสียชีวิตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 1599 เมื่อบุคคลใดตาย มรดกของบุคคลนั้นตกทอดแก่ทายาท ดังนั้น การที่นายพิธา อ้างว่า “ไม่ใช่หุ้นของตน เป็นกองมรดก ตนเพียงมีฐานะผู้จัดการมรดก” นั้นจึงไม่ถูกต้อง….เพราะ

(1)นายพิธา คือหนึ่งในทายาทโดยธรรม หุ้นนั้นตกเป็นของนายพิธาและทายาทอื่นด้วยทันทีที่บิดาเสียชีวิต

(2)นายพิธา แสดงตนรับโอนหุ้นในฐานะผู้จัดการมรดก และ ในฐานะทายาทโดยธรรมผู้มีสิทธิได้รับมรดกแล้ว การเป็นเจ้าของหุ้นในส่วนของนายพิธา จึงสมบูรณ์แล้ว*

2)บริษัท ITV แจ้งว่า ยังประกอบกิจการอยู่ และ มีรายงานแสดงผลของกิจการไม่ว่า จะขาดทุนหรือกำไรก็ตาม ทำให้ไม่สามารถวินิจฉัยเป็นอื่นได้ ว่า นายพิธา เป็นผู้ถือหุ้นitv ที่เป็นสื่อมวลชน อันเป็นลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยคดีธนาธร ถือหุ้นสื่อมวลชนมวีลักซ์มีเดีย ทำให้ขาดคุณสมบัติและถูกตัดสิทธิทางการเมือง

การอ้างว่า ถือหุ้นข้างน้อยไม่อาจครอบงำกิจการได้ และจะต่อสู้ในเรื่องการขัดกันระหว่างคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในอดีตกับคำวินิจฉัยศาลฎีกาปัจจุบัน ในคดีนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์หรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ต่อสู้ได้ ส่วนที่ศาลจะเห็นชอบด้วยและวินิจฉัยตามข้อต่อสู้ด้วยหรือไม่ เป็นกรณีที่ต้องไปต่อสู้กัน

ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต จะต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดเท่านั้นครับ ไม่มีทางเป็นอื่น

#จบข่าว