เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. นายสราวุฒิ วรพงษ์ นายอำเภอเชียงดาว เปิดเผยว่า กรณีเพลิงไหม้หญ้า ริมถนนบายพาสสาย เชียงดาว-ไชยปราการ บ้านทุ่งกุลา หมู่1 ต.แม่นะ อ.เชียงดาว เจ้าหน้าที่กู้ภัยเหยี่ยวแดงเทศบาลต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ระดมกำลังกับชาวบ้านในพื้นที่ช่วยกันดับสำเร็จจนไฟไม่ลุกลามนั้น ได้ออกประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่ อ.เชียงดาว ในเรื่องห้ามเผาขยะ-วัชพืชทุกชนิดในพื้นที่โล่ง ตามคำสั่งของจังหวัดเชียงใหม่เพื่อเป็นการลดปัญหามลพิษและหมอกควันซึ่งเกิดขึ้นทุก ๆ ปี โดยเฉพาะอ.เชียงดาว ได้แต่งตั้งคณะกรรมการในทุกภาคส่วนเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือเรื่องปัญหาการเผาขยะ วัชพืช ในที่โล่ง เนื่องจากชาวบ้านนิยมการจุดไฟเผา เพราะเป็นวิธีที่สะดวก ง่าย และเสียค่าใช้จ่ายในการกำจัดน้อย แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ทั้งเรื่องมลภาวะเป็นพิษ ผลต่อสุขภาพอนามัย การท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อมและอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนั้นยังมีความผิดตามกฏหมายซึ่งชาวบ้านอาจจะไม่ทราบ
“การเผาแม้จะเผาในที่ของตนเอง แต่ทำให้เกิดกลิ่น ควัน เขม่า ฯลฯ ไปกระทบสร้างความเดือนร้อนรำคาญต่อผู้อื่น กฎหมายกำหนดให้เจ้าพนักงานในท้องถิ่นมีอำนาจสั่งห้ามให้หยุดเผาและห้ามมิให้มีการเผาอีกต่อไป หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 2,000 บาท แต่หากการเผานั้นทำให้เกิดอันตรายหรือทำให้เกิดความเสียหาย แก่บุคคลอื่นมีความผิดตามกฎหมายต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 14,000 บาท และหากการเผานั้นลุกลามรุนแรงถึงขั้นเป็นอันตรายต่อบุคคลหรือทรัพย์สินของบุคคลอื่นต้องระวางโทษจำคุก 5 ปี ถึง 20 ปี และหากรู้อยู่แล้วว่าการเผาดังกล่าวอาจจะทำให้เกิดเพลิงไหม้อันตรายต่อทรัพย์สินของบุคคลอื่นได้อย่างแน่นอน ถือว่ามีความผิดฐานวางเพลิงโดยเจตนามีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต”
Cr.dailynews