“เศรษฐา” แบะท่า! พร้อมนั่งนายกฯแทน “พิธา” หากโหวตนายกฯรอบสองไม่ผ่าน

106

“เศรษฐา” แบะท่า พร้อมรับนั่งนายกฯ แทน “พิธา” เปรียบการเมืองเป็นกีฬาเล่นเป็นทีม รอฟังมติกรรมการบริหารพรรค ไม่ว่าจะมีสมการไร้เงา “ก้าวไกล” หรือพลิก “ข้ามขั้ว”

วันที่ 17 ก.ค.2566 เวลา 11.45 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค พท. กล่าวถึงสถานการณ์การพูดคุยระหว่างพรรค พท.​ และพรรคก้าวไกล ในการโหวตนายกฯ รอบ 2 ว่า ต้องรอการพูดคุยระหว่าง 2 พรรค ตนมองว่าปัญหาปากท้องและปัญหาเศษฐกิจประชาชนเป็นเรื่องใหญ่มาก ถ้าเราไม่รีบเจรจาและจัดตั้งรัฐบาลเพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาก็จะเป็นเรื่องใหญ่ และสถานการณ์ก็บีบบังคับให้จัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วที่สุด

เมื่อถามว่า พร้อมหรือไม่ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ หากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ผ่านการโหวตรอบ 2 นายเศรษฐา กล่าวว่า ถ้าไม่พร้อมก็คงไม่มีรายชื่อตนเป็น 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกฯ พรรค พท. ซึ่งพรรค พท. ไม่ว่าจะเป็นฐานะแกนนำหรือพรรคร่วมรัฐบาล ตนได้รับมอบหมายให้มาดูแลเรื่องเศรษฐกิจ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การจัดตั้งรัฐบาลที่จะต้องมีการพูดคุยกันในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและลดค่าใช้จ่ายประชาชน

เมื่อถามว่า หากสูตรจัดตั้งรัฐบาลไม่มีพรรคก้าวไกล พร้อมเป็นนายกฯ หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ทราบ ยังไม่มีการพูดคุยกัน และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค ได้ชี้แจงหากมีความเห็นแตกต่างกันใน 8 พรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรค พท. ก็ต้องกลับมาพูดคุยกัน เพราะเราก็มีแคนดิเดตนายกฯ ถึง 3 คน ดังนั้นต้องให้เกียรติ กก.บห. ตนคงไม่ก้าวล่วง

เมื่อถามว่า หากสมการตั้งรัฐบาลมีพรรคอื่นเข้ามานอกเหนือจาก 8 พรรคร่วมรัฐบาล เช่น พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมจะรับนายกฯ หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้ยังเร็วเกินไป วันนี้เป็นเรื่องของ 8 พรรคร่วมรัฐบาลก่อน

เมื่อถามย้ำว่า ไม่ว่าจะเป็นสมการใด แต่หาก กก.บห. มีมติพร้อมที่จะทำตามหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็ต้องไปว่ากันในตรงนั้น เพราะมีหลักการหลายอย่างที่ต้องมาคุยกัน ย้ำว่าเรื่องเศรษฐกิจปากท้องและจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

ต่อข้อถามอีกว่า ส่วนเงื่อนไขการรับตำแหน่งนายกฯนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่าไปคุยถึงเงื่อนไข เราไม่มีเงื่อนไขอะไรทั้งสิ้น เพราะตอนนี้ต้องดูปัญหาปากท้องประชาชน แม้ประชาชนจะไม่พูดก็ตาม แต่เชื่อว่าคนเป็นห่วงเรื่องนี้ อย่าลืมว่าเราเป็นนักการเมือง หน้าที่นักการเมืองคือการดูแลประชาชน ไม่ใช่มาเล่นการเมือง

เมื่อถามว่า ไม่ว่าพรรค พท. แสดงความเห็นอะไรก็มีทัวร์ลงตลอด นายเศรษฐา กล่าวว่า “ผมก็คงพูดสั้นๆ ว่า ครับ ก็ต้องรับครับ คำว่าครับไม่ได้หมายความว่า รับหรือไม่รับ แต่หมายความว่ารับทราบกับเสียงที่ตอบมาว่าจะอยู่หรือไม่อยู่ด้วยกันกับ 8 พรรค ถ้าเกิดจะไปกับพรรคก้าวไกล เราเองก็พร้อมที่จะเสนอนโยบายและประชุม ครม. นัดแรก หรือถ้าเป็นเรื่องอื่นเราก็พร้อมหมด”

เมื่อถามย้ำว่า หาก กก.บห. มีแนวทางเช่นใด พร้อมทำตามมติใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ผมเล่นกีฬาเป็นทีมอยู่แล้ว ผมเป็นประชาธิปไตย ถ้าหากคณะกรรมการมีมติอย่างไร ผมพร้อมน้อมรับ และไม่อยากพูดไปเพื่อเป็นการกดดันอะไรทั้งสิ้น เป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารที่มีความอิสระในการตัดสิน”

ส่วนกรณีจะถูกมองว่ามีการข้ามขั้วนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่าเพิ่งข้ามไปดีกว่า วันนี้ขอคุย 8 พรรคร่วมรัฐบาลให้รู้เรื่องก่อนดีกว่า เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่เป็นการเล่นเรื่องการเมือง และก็เล่นการเมืองกันมาเยอะแล้ว.