ครม. ไฟเขียว โคแสนล้านตัว ชี้เลี้ยง4ปี ใช้หนี้กองทุนหมด

82

นายกฯ เผย ครม.ไฟเขียว โครงการโคแสนล้านตัว “สมศักดิ์” ขอบคุณ “เศรษฐา” เห็นความสำคัญเกษตรกร-ทำตามที่หาเสียง พร้อมเดินหน้าสร้างรายได้เสริม ให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้าน 100,000 ครอบครัว ย้ำผู้กู้ไปเลือกซื้อโคเอง มั่นใจได้โคคุณภาพแน่นอน ชี้เลี้ยง 4 ปี ใช้หนี้กองทุนได้หมด

วันที่ 18 เม.ย. 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ครม.เห็นชอบตามที่คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ(กทบ.) เสนอโครงการโคแสนล้านนำร่อง ให้ใช้ทดลองในบางจังหวัดก่อนและรายงานผลให้ครม.ทราบ ก่อนที่จะมีการขยายไปยังจังหวัดอื่นๆ โดยกำหนดเงื่อนไขในการทำโครงการตามที่รมช.คลังเสนอ โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นผู้ให้กู้กับสมาชิกกองทุนโดยตรงและให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการเป็นผู้ไปซื้อแม่โค จากตลาดหรือฟาร์มในพื้นที่ ไม่ใช่รัฐซื้อแจก ซึ่งเรื่องนี้ในครม.มีข้อเสนอจากรัฐมนตรีบางท่าน โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรีตรี เจ้าของเรื่องรับทราบ และจะรวบรวมความคิดเห็นต่างๆเพื่อนำไปปฏิบัติต่อไป

ด้าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เจ้าของโครงการ ขอขอบคุณ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ที่เห็นถึงความสำคัญในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน เพื่อให้มีรายได้เสริม และเพียงพอต่อการใช้หนี้ เพราะต้องยอมรับว่า สมาชิกกองทุนหมู่บ้าน กว่า 13 ล้านคน ส่วนใหญ่ยังเป็นหนี้ ดังนั้น การที่ ครม.เห็นชอบโครงการโคแสนล้านแล้ว ก็สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลไม่ได้ละเลยต่อปัญหาของพี่น้องประชาชน และกำลังทำตามแนวนโยบายที่หาเสียงไว้ให้กับประชาชนด้วย

โครงการโคแสนล้าน นำร่อง ครม.ได้เห็นชอบกรอบวงเงินสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. 5,000 ล้านบาท เพื่อให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ กู้ยืม 100,000 ครอบครัว ครอบครัวละ 50,000 บาท เพื่อนำไปซื้อโค จำนวน 2 ตัว โดย 2 ปีแรก ปลอดดอกเบี้ย เพราะรัฐจะช่วยชดเชยให้ในอัตราคงที่ร้อยละ 4.50 ต่อปี รวมเป็นเงิน 450 ล้านบาท ส่วนปีที่ 3 ปลอดชำระเงินต้น แต่ให้เริ่มชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 4.50 ต่อปี ส่วนปีที่ 4 ให้ชำระต้นเงินร้อยละ 50 ของวงเงินที่กู้ยืม พร้อมชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 4.50 ต่อปี และปีที่ 5 ชำระต้นเงินส่วนที่เหลือทั้งหมด พร้อมชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 4.50 ต่อปี

“โครงการโคแสนล้าน ถือเป็นการสร้างอาชีพเสริมให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งสามารถใช้เวลาว่างจากงานหลัก มาดูแลโคได้ โดยโค มีวิธีการเลี้ยงที่ไม่ยุ่งยาก และใช้เวลาไม่มาก ซึ่งมีตัวอย่างชาวสุโขทัย เริ่มเลี้ยงโค 2 ตัว เป็นอาชีพเสริม ผ่านมา 4 ปี มีโคแล้ว จำนวน 10 ตัว หากคำนวณตามมูลค่า ตัวละ 25,000 บาท ก็จะมีมูลค่าถึง 250,000 บาท โดยจะเห็นได้ว่า เพียงพอต่อการใช้หนี้กองทุนหมู่บ้านฯ รวมถึงสามารถใช้หนี้สินส่วนตัวได้ด้วย ส่วนข้อกังวัลคุณภาพโคนั้น ผมขอเน้นย้ำว่า ประชาชนจะเป็นผู้ถือเงินไปเลือกซื้อโคคุณภาพด้วยตัวเอง จึงทำให้มั่นใจได้เลยว่า ผู้เข้าร่วมโครงการ จะได้โคคุณภาพไปขยายพันธุ์สร้างรายได้อย่างแน่นอน” รองนายกฯ กล่าว