เพื่อไทย เปิดศึก ลอยแพ รทสช. “อุ้มพลังงาน” หักดิบ ภท. “กัญชาเสรี”

45

เพื่อไทย เปิดศึก พรรคร่วมรัฐบาล ลอยแพ รทสช. อุ้มราคาพลังงาน กดดันให้ ลดราคาน้ำมัน หวังสร้างคะแนนนิยมให้ประชาชนตามนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่หาเสียงไว้ ขณะเดียวกัน หักดิบ นโยบาย เรือธง”กัญชาเสรี” ของพรรคภูมิใจไทย สั่ง สาธารณสุข ดำเนินการกลับเอากัญชา เข้าไปอยู่ในบัญชียาเสพติด เหมือนเดิม

ผลพวงจากการปรับครม.สร้างแรงกระเพื่อมให้รัฐบาลอย่างหนัก ร่องรอยความขัดแย้งภายในพรรคเพื่อไทย(พท.) ถูกเปิดแผลด้วยการลาออกจากเก้าอี้ รมว.ต่างประเทศของ “ปานปรีย์ พหิทธานุกร”

แม้ แกนนำเพื่อไทย จะปิดเกมเร็ว แต่งตั้ง “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” อดีตท่านทูตเด็กในคาถา “ทักษิณ ชินวัตร” มาแทนอย่างรวดเร็ว แต่คลื่นใต้น้ำภายใน เพื่อไทย ยังคงก่อตัวรอวันปะทุ

ชอตต่อมาเกิดความขัดแย้งกับพรรคร่วมรัฐบาล โดย “กฤษฎา จีนะวิจารณะ” ลาออกจากรมช.คลัง หลังการแบ่งงานภายในกระทรวงการคลัง เจ้าตัวถูกลดบทบาทลงต้องไม่ลืมว่า “กฤษฎา” อยู่ในโควตาของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ขณะที่ “พิชัย ชุณหวชิร” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมถึง “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” และ “เผ่าภูมิ โรจนสกุล” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มาจากโควตา “พรรคเพื่อไทย”

การรุกกินแดน “กฤษฎา” อาจจะไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่าง “เพื่อไทย-รทสช.” เนื่องจาก “พิชัย-กฤษฎา” มีหนี้แค้นเก่าที่ต้องชำระ เมื่อครั้ง”กฤษดา” เป็นปลัดคลัง และ “พิชัย” อยู่ในฐานะประธานบอร์ด ตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.)
แต่ผลแห่ง”หนี้แค้น” ย่อมส่งแรงสะเทือนไปยัง “รทสช.” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ขณะเดียวกัน “เศรษฐา” และ พรรคเพื่อไทย ยังเปิดเกมเขย่าพรรคร่วมรัฐบาลอีก โดยบีบเรื่อง “นโยบาย” ลดราคาพลังงาน เพื่อไล่แต้มให้จนมุม เริ่มที่ รทสช.พุ่งเป้า “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกฯและ รมว.พลังงาน กรณีราคาน้ำมันโดย “เศรษฐา” ระบุ รัฐบาล และ เพื่อไทย มีนโยบายดูแลราคาลดราคาพลังงาน ลดภาษีดีเซล เบนซิน ลดค่าไฟ แต่ต่อมาราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง “กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง” เริ่มอุ้มราคาดีเซลและแอลพีจีไม่ไหว

“พีระพันธุ์” ได้ขอต่อมาตรการลดภาษีดีเซลที่สิ้นสุดในเดือน เม.ย. แต่ “กระทรวงคลัง” ภายใต้การกำกับดูแลของ “พิชัย ชุณหวชิร” ไม่ยอม

ทำให้ “พีระพันธุ์-กระทรวงพลังงาน” แก้เกมกลับของบกลาง ซึ่งอยู่ในความดูแลของ “เศรษฐา” เพื่อมาอุ้มดีเซล แต่มีความเห็นจากกระทรวงการคลัง ไม่อนุมัติให้ใช้งบกลางแก้ไขปัญหา

อย่างไรก็ตามยี่ห้อ “พีระพันธุ์” อดีตผู้พิพากษา ที่ผ่านงานด้านกฎหมายมาอย่างโชกโชน เมื่อโดนรุกไล่ย่อมมีมาตรการโต้กลับ เสนอแก้กฎหมายปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน ด้วยการให้กระทรวงพลังงานมีอำนาจกำหนดอัตราสรรพสามิตน้ำมันจัดการ

แม้ว่า “จุลพันธ์” ที่ กำกับดูแลกรมสรรพสามิต จะใจดีสู้เสือเปิดทางให้ “พีระพันธุ์” เข้ามาร่วมหาทางออก แต่หากปล่อยให้กระทรวงพลังงานกำหนดอัตราสรรพสามิตน้ำมันเอง ย่อมกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของกระทรวงการคลังอย่างแน่นอน

ย้อนกลับไป รทสช. เข้าร่วมรัฐบาล โดยมีมือของส.ว. เป็นอำนาจต่อรอง แลกกับให้ นายทักษิณ กลับประเทศด้วย ทำให้รทสช. ได้กระทรวงที่ เพื่อไทยต้องการหนักมาก คือ กระทรวงพลังงาน เพราะกระทรวงนี้ผลประโยชน์มหาศาล ที่บอกว่า ต้องการช่วยประชาชน เป็นแค่ข้ออ้าง

ก่อนปรับครม. มีกระแสว่า จะปรับ สุทิน คลังแสงออก นายกฯ จะเข้าไปควบ และให้คนของรทสช. เข้ามาเสียบเป็นรมช. แต่ก็ไม่สำเร็จ สุดท้าย เพื่อก็มาดึงงานของ รมช.กฤษฏา ไปคุมเอง เป็นการแย่งเอาไปดื้อ ตามสไตล์ พิชัย เป็นการเดินเกมแบบโหดสาด

ดังนั้น ต้องจับตาดูว่าศึก “พรรคเพื่อไทย” กับ “พีระพันธุ์” ที่กำลังร้อนระอุ จะเดินเกมงัดสรรพอาวุธทางกฎหมายมาต่อสู้กันจะจบลงอย่างไร? แต่แน่นอน ย่อมสร้างรอยปริร้าวให้เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาลอีกด้านหนึ่ง คือการเปิดศึกต่อนโยบาย “กัญชาเสรี” ที่ “เศรษฐา” นั่งหัวโต๊ะ เป็นประธานที่ประชุมแก้ปัญหายาเสพติด เมื่อ 8 พ.ค.67 สั่ง “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.สาธารณสุข ให้ ไปดำเนินการแก้กฎกระทรวงเพื่อนำกัญชาคืนสู่บัญชียาเสพติด ประเภท 5 ถือเป็นการเปิดศึกอีกด้านของ “เพื่อไทย” กับ “ภูมิใจไทย” โดยตรง เพราะ “กัญชาเสรี” คือ นโยบายเรือธง ของ ภูมิใจไทย ที่ใช้หาเสียง ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา

โดยวงประชุมดังกล่าวมี “อนุทิน ชาญวีรกุล” รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นั่งร่วมวงอยู่ด้วย และ “อนุทิน” ในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข เป็นคนผลักดันนโยบาย “กัญชาเสรี” ด้วยการแก้กฎกระทรวงสาธารณสุข

นอกจากนี้ “อนุทิน-ภูมิใจไทย” ผลักดัน ร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ แต่ผ่านด่านแค่วาระแรก ถูกตีตกในวาระสอง ทำให้ “กัญชา-กัญชง” ไม่มีกฎหมายมารองรับ เหลือเพียงแค่กฎกระทรวงสาธารณสุขที่มีผลทางกฎหมายมาในยุค “รัฐบาลเศรษฐา” แม้ “กัญชาเสรี” จะเป็นนโยบายของพรรคภูมิใจไทย แต่เมื่อไม่ได้กำกับดูแล กระทรวงสาธารณสุข ย่อมเปิดช่องให้ “เพื่อไทย” ซึ่งคุมกระทรวงสาธารณสุข ยกเลิกกฎหมายกระทรวงดังกล่าว คืนกัญชาสู่บัญชียาเสพติด ประเภท 5 ได้ง่ายดาย

ทั้งนี้ต้องติดตามดูว่า เมื่อนโยบาย “กัญชาเสรี” ซึ่งถือเป็นนโยบายเรือธงของ “อนุทิน-พรรคภูมิใจไทย” ถูก “เศรษฐา-พรรคเพื่อไทย” หักดิบ ย่อส่งผลกระทบต่อสถานการณ์อยู่ร่วมกันของ “พรรคร่วมรัฐบาล” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกเช่นกัน

ดังนั้นประเด็นที่แกนนำเพื่อไทย โดยเฉพาะ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยประกาศลั่นกลางที่ประชุมพรรค ว่า รัฐบาลจะอยู่ครบ4ปี จึงมีคำถามตามมาว่า จะเป็นไปได้จริงหรือ ???