มีบางวันที่ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกไม่อยากลุกจากเตียง ความรู้สึกเศร้า ท้อแท้ หรือหมดพลังงานเข้ามาทักทายอย่างไม่มีสาเหตุชัดเจน บางครั้งอารมณ์เหล่านี้อาจจางหายไปในเวลาไม่กี่วัน แต่บางครั้งกลับอยู่นานอย่างไม่ปกติ หากสถานการณ์เหล่านี้เริ่มเกิดซ้ำและส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน อาจถึงเวลาที่ควรทำความเข้าใจว่า โรคซึมเศร้า คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นโดยไม่ทันรู้ตัว
แม้ภายนอกจะดูปกติ แต่อาการของโรคซึมเศร้ามักซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้ม การทำงานที่ดูราบรื่น หรือความเงียบที่ไม่มีใครสังเกต ความผิดปกติทางอารมณ์นี้ไม่ได้เกิดจากความอ่อนแอ ไม่ใช่ความขี้เกียจ และไม่สามารถหายได้ด้วยการ “คิดบวก” เพียงอย่างเดียว แต่โรคซึมเศร้า คือภาวะทางจิตใจที่ต้องการการดูแลเช่นเดียวกับโรคทางกาย
โรคซึมเศร้า คืออะไร ส่งผลอย่างไรต่อชีวิต ?
โรคซึมเศร้า คือความผิดปกติของอารมณ์ประเภทหนึ่งที่ส่งผลให้เกิดความรู้สึกเศร้า หดหู่ หรือหมดความสนใจต่อสิ่งต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยมีผลต่อทั้งการใช้ชีวิต ความคิด ความจำ รวมถึงสุขภาพกาย อาการของโรคนี้แตกต่างจากความเศร้าทั่วไปตรงที่ไม่สามารถหายได้เอง และเมื่อเป็นรุนแรง อาจนำไปสู่ความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเอง หรือพฤติกรรมอันตราย
การเข้าใจว่าโรคซึมเศร้า คือภาวะที่ต้องให้ความสำคัญ เป็นก้าวแรกในการดูแลตนเองและคนรอบข้างให้พ้นจากความทุกข์ที่มองไม่เห็น
สัญญาณเตือนที่อาจบอกว่าโรคซึมเศร้าเริ่มเข้ามาใกล้
หลายคนไม่รู้ตัวว่ากำลังเผชิญกับโรคนี้ เพราะอาการไม่ปรากฏออกมาแบบฉับพลัน แต่มักค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นทีละน้อย สัญญาณต่อไปนี้อาจเป็นสิ่งที่ควรเฝ้าระวัง
- รู้สึกเศร้า หดหู่ หรือว่างเปล่าตลอดทั้งวันเกือบทุกวัน
- ขาดความสนใจ หรือความสุขในสิ่งที่เคยชอบทำ
- รู้สึกเหนื่อยง่าย แม้ไม่ได้ทำกิจกรรมที่หนัก
- สมาธิสั้น คิดช้า หรือลังเลในการตัดสินใจ
- มีปัญหาเรื่องการนอน เช่น นอนไม่หลับหรือนอนมากผิดปกติ
- เบื่ออาหารหรือน้ำหนักเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
- รู้สึกตัวเองไร้ค่า ไม่มีความหมาย หรือรู้สึกผิดในเรื่องเล็กน้อย
- มีความคิดทำร้ายตัวเอง หรือรู้สึกว่าอยากหายไปจากโลกนี้
เมื่ออาการเหล่านี้เกิดขึ้นต่อเนื่องนานเกิน 2 สัปดาห์ ควรเริ่มสงสัยว่าโรคซึมเศร้า คือสิ่งที่กำลังคืบคลานเข้ามาโดยไม่รู้ตัว
ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดโรคซึมเศร้า
โรคซึมเศร้าไม่ได้เกิดจากเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลรวมจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น
- พันธุกรรม ผู้ที่มีคนในครอบครัวเคยเป็นโรคซึมเศร้า มีแนวโน้มจะมีความเสี่ยงมากขึ้น
- สารเคมีในสมอง ความไม่สมดุลของสารสื่อประสาท เช่น เซโรโทนิน โดปามีน และนอร์เอพิเนฟริน มีผลต่ออารมณ์และความรู้สึก
- ประสบการณ์ในอดีต เช่น การถูกทำร้ายทางร่างกายหรือจิตใจ การสูญเสีย หรือความเครียดเรื้อรัง
- สภาพแวดล้อมทางสังคม การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่กดดัน ไม่มีพื้นที่ปลอดภัย หรือขาดการสนับสนุนทางอารมณ์
แม้ปัจจัยเหล่านี้จะเพิ่มความเสี่ยง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่มีสิ่งเหล่านี้จะต้องเป็นโรคซึมเศร้าเสมอไป
การพูดถึงโรคซึมเศร้าอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่เพื่อสร้างความตื่นตระหนก แต่เพื่อให้เกิดความเข้าใจว่าโรคซึมเศร้าสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยไม่เลือกวัย เพศ หรืออาชีพ