มุฟตีใหญ่แห่งอียิปต์ เชากี อัลลาม (شوقي علام) ยืนยันเมื่อวันจันทร์ว่า #ไม่อนุญาตให้ทำการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสกุลเงิน “บิตคอยน์” เนื่องจากก่อให้เกิดความเสี่ยงหลายประการต่อผู้คน และอาจนำไปสู่การฉ้อโกงหรือการปลอมแปลงมูลค่าได้
ท่านมุฟตีระบุว่า บิตคอยน์เป็นสกุลเงินเสมือน (virtual currency) หรือสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งปรากฏขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2009 ถูกสร้างและเก็บไว้ในระบบอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ปรากฏในรูปแบบทางกายภาพใด ๆ
เขาชี้ว่า บิตคอยน์เป็นเพียงสกุลเงินเสมือน ไม่มีทรัพย์สินที่แท้จริงรองรับ สามารถถูกสร้างขึ้นได้โดยปราศจากการควบคุมหรือการอ้างอิงจากหน่วยงานส่วนกลางใด ๆ และไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสถาบันการเงิน แต่พึ่งพาการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตเพียงอย่างเดียว ซึ่งความไร้การกำกับดูแลนี้ก่อให้เกิดความเสี่ยงจำนวนมาก
“นี่ไม่ใช่สกุลเงินประเภทแรกในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา ยังมีสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ที่เรียกว่า ‘คริปโตเคอร์เรนซี (cryptocurrency)’ อีกมากมาย” อัลลาม กล่าว
#มุฟตียังอธิบายเพิ่มเติมว่า บิตคอยน์สามารถ “ขุด” (mined) หรือซื้อด้วยเงินจริงได้ โดยการขุดทำผ่านซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์เฉพาะทางที่ใช้สูตรคณิตศาสตร์ซึ่งออกแบบโดยผู้ก่อตั้งบิตคอยน์ซึ่งยังคงไม่เปิดเผยตัวตน กล่าวอย่างง่ายคือ ผู้ใช้จะดาวน์โหลดโปรแกรมที่ใช้กำลังประมวลผลของคอมพิวเตอร์ในการทำกระบวนการและแก้สมการบางอย่าง จากนั้นผู้ขุดจะได้รับบิตคอยน์ตามปริมาณข้อมูลที่เครื่องสามารถประมวลผลได้ เพื่อปกป้องระบบบิตคอยน์ ปริมาณบิตคอยน์ที่จะถูกสร้างขึ้นนั้นถูกกำหนดไว้ตายตัวล่วงหน้า คริปโตเคอร์เรนซีสามารถใช้ทำธุรกรรมได้ และด้วยความที่มีจำนวนจำกัดและสามารถใช้แลกเปลี่ยนได้ ทำให้มูลค่าของมันสูงขึ้นเรื่อย ๆ
เขาย้ำว่า #ได้หารือกับผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจเพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับบิตคอยน์ และผลการวิเคราะห์มีดังนี้ :
1. จำเป็นต้องมีการศึกษาลึกซึ้งเกี่ยวกับบิตคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ เพื่อหาวิธีควบคุม
2. ตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินประเภทนี้มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากราคามีความผันผวนมาก คาดเดาได้ยาก และยังเปิดโอกาสให้นายหน้าหาผลประโยชน์จากความผันผวนเพื่อดึงดูดนักลงทุน ซึ่งส่งผลให้รัฐอ่อนแอในการรักษาเสถียรภาพของค่าเงินท้องถิ่น และทำให้การควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราลำบาก อีกทั้งยังกระทบเชิงลบต่อการคลัง การเก็บภาษี และเปิดทางให้มีการหลีกเลี่ยงภาษี
3. การขายและจ่ายบิตคอยน์ต้องใช้เทคนิคการเข้ารหัสเพื่อควบคุมการสร้างหน่วยและตรวจสอบการโอน ทำให้ต้องมีระบบสำรองเพื่อป้องกันการโจรกรรมออนไลน์ รวมถึงไวรัสร้ายแรงที่อาจทำให้บิตคอยน์สูญหายและไม่สามารถหมุนเวียนได้
4. ไม่แนะนำให้ใช้เป็นการลงทุนที่ปลอดภัย เพราะมีลักษณะการเก็งกำไรสูง มุ่งหวังกำไรเกินจริง และมีความเสี่ยงต่อการถูกเจาะระบบ
5. ต่างจากพันธบัตรหรือหุ้น เมื่อเกิดปัญหาความรับผิดชอบทั้งหมดตกอยู่ที่ผู้ขุดหรือผู้ครอบครองบิตคอยน์ ซึ่งอาจทำให้สูญเสียทุนทั้งหมด
6. บิตคอยน์บ่อนทำลายระบบกฎหมาย เนื่องจากบริษัทสามารถหลีกเลี่ยงภาษีและปกปิดกำไรได้เพราะธุรกรรมไม่สามารถติดตามได้ อีกทั้งยังเปิดช่องให้ใช้ฟอกเงิน สนับสนุนการก่อการร้าย และการทุจริตอื่นๆ
ดังนั้น มุฟตีย์จึงสรุปว่า #เงื่อนไขที่จำเป็นต่อการหมุนเวียนของเงินตรานั้นไม่ปรากฏในบิตคอยน์ เพราะมันไม่มีรูปแบบทางกายภาพและนำไปสู่การฉ้อโกงเสมือนเงินปลอม
ในแง่นี้ #บิตคอยน์ จึง #ต้องห้ามตามหลักชะรีอะฮ์อิสลาม เนื่องจากก่อให้เกิดความเสียหายมากกว่า เพราะเป็นระบบกระจายศูนย์ (decentralized) และไม่เปิดเผยตัวตน ทำให้ติดตามได้ยากว่าใครโอนให้ใครและจำนวนเท่าใด
ที่มา : Egypt Today
ข้อมูล




