สูตรบุ๋น–บู้ ดีเอ็นเอการนำประชาธิปัตย์ : คู่ใหม่ อภิสิทธิ์–นิพนธ์ ความหวังฟื้นพรรคเก่าแก่” หรือไม่
มีการกล่าวถึง “มาดามเดียร์-วทันยา บุนนาค” จะเข้ามารับบทเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในยุคที่ “อภิสิทธิ์เวชชาชีวะ”เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่
แต่ถ้ามองย้อนไปในอดีต
ประวัติศาสตร์การเมืองไทยของพรรคประชาธิปัตย์ถือเป็นพรรคการเมืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งในด้านอุดมการณ์ บุคลิกผู้นำ และโครงสร้างการบริหารภายในพรรค หนึ่งใน “ดีเอ็นเอ” ที่สืบทอดต่อกันมายาวนาน คือสูตรการจับคู่ “หัวหน้าพรรค–เลขาธิการพรรค” แบบ “บุ๋น–บู้” ซึ่งกลายเป็นสมดุลทางการเมืองที่ช่วยขับเคลื่อนพรรคในแต่ละยุคสมัย
หัวหน้าพรรคมักเป็น “สายบุ๋น” นักคิด นักอภิปราย ผู้มีภาพลักษณ์ทางวิชาการและคุณธรรม มีความรู้ความสามารถสูง ภาพลักษณ์ดี ส่วนเลขาธิการพรรคมักเป็น “สายบู้” เป็นนักปฏิบัติ ผู้ลงสนามจัดการเลือกตั้ง สื่อสารกับฐานมวลชน และเป็นกลไกขับเคลื่อนเชิงยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี เก่งกล้าสามารถในเชิงยุทธ์ มือประสานในการจัดตั้งรัฐบาล
ย้อนดูในอดีต “ชวน หลีกภัย – พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์” เป็นตัวอย่างคลาสสิกที่สุดของสมการนี้ ชวนเป็นนักการเมืองสายเนี๊ยบ สุภาพ และยึดมั่นในหลักการระบบรัฐสภา ขณะที่ พล.ต.สนั่น คือมือจัดการที่เด็ดขาด กล้าชน และสร้างพลังขับเคลื่อนทางการเมืองให้พรรคอย่างมีประสิทธิภาพ
ก่อนหน้านั้น “พิชัย รัตตกุล – วีระ มุสิกพงศ์” ก็สะท้อนภาพ “นักนโยบาย–นักเคลื่อนไหว” ได้อย่างลงตัว เช่นเดียวกับ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ – สุเทพ เทือกสุบรรณ” ที่เคยนำพรรคเข้าสู่อำนาจในยุคการเมืองใหม่ช่วงปี 2551–2554 โดยอภิสิทธิ์วางภาพลักษณ์ผู้นำรุ่นใหม่ สุภาพแต่เฉียบคม ส่วนสุเทพเป็นขุนศึกสนามเลือกตั้งที่จัดทัพได้เข้มแข็งที่สุดคนหนึ่ง
อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เช่น มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช วีระ มุสิกพงศ์ ดำรง ลัทธพิพัฒน์ พลตรีสนั่น ขจรประศาสตร์ ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธื์ สุเทพ เทือกสุบรรณ จุติ ไกรฤกษ์เฉลิมชัย ศรีอ่อน เดชอิศม์ ขาวทอง เป็นต้น
เมื่อถึงเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์กำลังจะเปลี่ยนผู้นำและจัดทีมบริหารชุดใหม่ “สูตรบุ๋น–บู้” จึงถูกหยิบกลับมาพิจารณาอีกครั้ง
ชื่อของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถูกพูดถึงในฐานะว่าที่หัวหน้าพรรคคนใหม่ ภายหลังวางมือทางการเมืองช่วงหนึ่ง ขณะที่ นิพนธ์ บุญญามณี ถูกมองว่าเป็นแคนดิเดตเลขาธิการพรรคที่เหมาะสมที่สุด หากพรรคต้องการความสมดุลระหว่าง “ภาพลักษณ์–พลังภาคสนาม”
อภิสิทธิ์ เป็นผู้นำที่มีทุนทางความเชื่อถือสูง ทั้งในด้านคุณธรรม ความรู้ ความเข้าใจนโยบาย และความเป็นสัญลักษณ์ของ “พรรคเก่าแต่ไม่ล้าสมัย” ส่วน นิพนธ์ ผ่านประสบการณ์ทั้งการเมืองท้องถิ่นและระดับชาติ ผ่านการเป็นรัฐมนตรีมาแล้ว “รู้งานในพื้นที่ รู้หน้าที่ในสภา รู้ปัญหาประชาชน รู้หลักการบริหาร” ประสบความสำเร็จในธุรกิจ มีฐานเสียงมั่นคงในภาคใต้ และเข้าใจระบบบริหารพรรคในภาคสนามอย่างลึกซึ้ง
หากทั้งคู่ได้ทำงานร่วมกันจริง จะถือเป็นการคืนชีพ “สูตรบุ๋น–บู้” ในยุคที่ประชาธิปัตย์ต้องการฟื้นความเชื่อมั่นจากประชาชน และสร้างสมดุลใหม่ระหว่างภาพลักษณ์ทางความคิดกับพลังการเมืองระดับพื้นที่
แม้เส้นทางการฟื้นพรรคยังอีกยาวไกล แต่ในความทรงจำของคนจำนวนมาก “บุ๋น–บู้” เคยเป็นสูตรที่ทำให้ประชาธิปัตย์ยืนระยะได้ยาวที่สุดในประวัติศาสตร์พรรคการเมืองไทย — และอาจเป็นคำตอบอีกครั้ง ในการปลุกพรรคเก่าแก่ให้กลับมามีพลังอีกหน
ในเวลานี้เรายังไม่รู้ว่าอภิสิทธิ์จะเลือกใครมานั่งเป็นเลขาธิการพรรคที่ต้องลุยงานหนัก ทั้งบริหารพรรค และลงพื้นที่
#นายหัวไทร
#ทำเฒ่าเรื่องเพื่อน
#ศึกชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์