จุฬาฯ มอบโฉนดที่ดินมัสยิด-ชาวบ้านสุราษฎร์ ชูต้นแบบสังคมพหุวัฒนธรรม

จุฬาฯ มอบโฉนดที่ดินมัสยิด-ชาวบ้านสุราษฎร์ ประจักษ์ชัดความร่วมมือในสังคมพหุวัฒนธรรม ทุกร่วมมือเป็นพลังสร้างสรรค์ความดีงาม

เมื่อวันที่ 29 กันยายน คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมกับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จัดพิธีมอบโฉนดที่ดินให้กับมัสยิดจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีนายอรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี เป็นประธานในพิธี ณ ลานหน้าบริษัท พุมเรียงเฟรช ฟู๊ด จำกัด ต.พุมเรียง อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี มีผู้เข้าร่วม อาทิ นายวิทศักดิ์ จำเริญนุสิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นตัวแทนผู้ว่าราชการจังหวัด นายชยันต์รัฐ รุ่งโรจวรารักษ์ นายอำเภอไชยา พ.ต.อ.ชุติพล เขมานุวงศ์ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรไชยา,เจ้าพนักงานที่ดินจ.สุราษฎร์ธานี, วัฒนธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี ศูนย์อำนวยการเดินสำรวจและออกโฉนดที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา ชุมพร ระนอง,ประสาน ศรีเจริญ ประธานผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี นายพีจพจน์ เมธาพงศ์บริบูรณ์ หัวหน้าโครงการแก้ไขปัญหาโฉนดที่ดินให้กับมัสยิดทั่วประเทศ,นายาณรงค์ สืบตระกูล อดีตที่ปรึกษากรมที่ดินด้านประสิทธิภาพ นยวานิตย์ อินทรักษ์ รองอธิบดีกรมที่ดิน บรรดาอิหม่าม กลุ่มสตรี และชาวบ้านเข้าร่วมประมาณ 300 คน

นายวิทศักดิ์ จำเริญนุสิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้กล่าวว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นสังคมพหุวัฒนธรรม ที่อาศัยอยู่ร่วมกันของคนลายกลุ่มอย่างสงบ สันติ ทั้งพุทธ อิสลาม คริสต์ ตลอดจนคนไทยเชื้อสายจีน

‘ชาวจังหวัดสุราษฎร์ฯ มีอัธยาศัยที่ดี เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินมาที่บ้านดอน เห็นชาวบ้านมีอัธยาศัยที่ดี มความนบน้อม จงได้เปลี่ยนชื่อ เมืองไชยา เป็นเมืองสุราษฎร์ธานี หรือเมืองคนดี และคนสุราษฎร์ฯ ก็ได้ปฏิบัติตนเป็นคดี ดังนามพระราชทานตลอดมา’นา

มุสลิมในจังหวัดมีประมาณ 60,000 คน ซึ่งอาศัยมานานกว่า 300 ปี ตั้งแต่เมืองไชยา มีมัสยิดที่จดทะเบียนถูกต้อง 52 แห่ง ซึ่งล้วนปฏิบัติตามหลักศาสนาและอยู่ร่วมกับศาสนิกอื่น ด้วยความรักและสามัคคี ปัญหาโฉนดที่ดินของมัสยิด ไม่ต่างจากวัด ที่มีปัญหามานานซึ่งจังหวัดสุรษษฎร์ธานี ได้ให้ความร่วมมือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อออกโฉนดให้ถกต้อง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการบริหารมัสยิดในทุกมิติ ซึ่งการออกโฉนดที่ดินให้กับมัสยิดและวัด อาจมีควรมสลับซับซ้อน แต่ก็สามารถออกได้ เป็นโครงการนำร่องในปีที่ผ่านมา และในปีนี้ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ร่วมกับศูนย์อำนวยการเดินสำรวจและออกโฉนดที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา ชุมพร ระนอง ได้ออกสำรวจรังวัดและออกโฉนดที่ดินให้กับมัสยิดและชาวบ้าน ในหมู่ที่ 2,3 และ 5 ต.พุมเรียง ได้รวมจำนวน 43 แปลง

‘ผมในฐานะรองผู้ว่ารชการจังหวัสุราษฎร์ธานี และชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ขอขอบพระคุณท่านจุฬาราชมนตรี ที่ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีมอบโฉนดที่ดิน ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่จังหวัดสุาฎร์ธานี ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง’ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ฯ กล่าวต้อนรับ

ด้านนายธงชัย ปิติเศรษฐ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสุราษฎรธานี กล่วว่า การออกโฉนดที่ดินให้กับมัสยิดและชาวบ้านในครั้งนี้ เป็นการแก้ปัญหาให้กับมัสยิดให้เอกสารสิทธ์ที่ถูกต้อง เพื่อให้การบริหารมัสยิดไม่มีปัญหา ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ก่อนเป็นประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด โดยการออกโฉนดให้กับมัสยิดฮิดายะห์ มัสยิดและชาวบ้านใกล้เคียง และเมื่อปีที่แล้ว ได้ดำเนินการออกให้กับมัสยิดส่วนใหญ่ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ จึงได้ดำเนินการต่อในปี 2568 โดยชาวบ้านทั้งพุทธและมุสลิมได้รับโฉนดด้วย

‘การปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ เป็นแบบอย่างในการทำงานร่วมกันของภาครัฐ ภาคศาสนา และภาคประชาชน มีความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ส่งผลให้พี่น้องประชาชนได้มีโฉนดที่ดินเป็นของตนเอง มีรากฐานที่มั่นคงในการดำรงชีวิต และเป็นรากฐานของการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป’ ประธานกอจ.สุราษฎร์ธานี กล่าว

การดำเนินการ แม้มีปัญหาและอุปสรรค ต้องใช้ความอดทนในการทำงาน จนสำเร็จลุล่วงได้่ระดับหนึ่ง แม้จะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ก็ตาม ซึ่งต้องขอขอบคุณ กรมที่ดิน เจ้พนักงานที่ดินจ.สุราษฎร์ธานี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี ศูนย์ อำนวยการเดินสำรวจและออกโฉนดที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา ชุมพร ระนอง คุณพีรพจน์ เมธาพงศ์บริบูรณ์ ,คุณณงค์ สืบตระกูล อดีตที่ปรึกษาฝ่ายพัฒนาศักยภาพกรมที่ดิน ที่ทำให้งานนี่ประสบความสำเร็จ และขอบขอบคุณ ท่านจุฬาราชมนตรี ที่เดินทางมาเป็นประธkนพิธีมอบโฉนดในครั้ง

หลังจากนั้น นายอรุณ บุญชม จุฬาราาชมนตรี ได้มอบโฉนดที่ดินให้กับมัสยิดและชาวบ้านจำนวน 43 แปลง และได้กล่าวชื่นชมทุกฝ่ายที่ร่วมมือกันจนภารกิจการการออกโฉนดที่ดินสำเร็จลุลาวงไปด้วยดี

‘วันนี้ เป็นี่ประจักษ์ของความเป็นสังคมพหุวัฒนธรรมของประเทศไทยเรา โดยเฉพาะที่พุมเรียงแห่งนี้ ซึ่งเป็นสถานที่ๆมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ความสำเร็จในการออกโฉนดที่ดินให้กับมัสยิด ให้กับชาวบ้าน แม้จะยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ด้วยเวลาอันจำกัด และงบประมาณที่จำกัดด้วย ท่านที่ยังไม่ได้รับโฉนดก็ฝห้เตรียมหลักฐานไว้เพื่อการดำเนินการในคราวหน้า

ต้องขอขอบคุณ ท่านณรงค์ สืบตระกูล อดีตที่ปรึกษากรมที่ดินด้านประสิทธิภาพ นายวานิตย์ อินทรักษ์ รองอธิบดีกรมที่ดิน เจ้าหน้าที่เดินสำรวจที่ดิน ที่ได้เดินสำรวจที่จะต้องใช้ความอดทน ทำให้สามารถออกโฉนดที่ถือครองมาบางแห่งก็เป็น 100 ปี

การที่พี่น้องได้อุทิสที่ดินเพื่อทำวากั๊ฟ เมื่ออุทิศแล้ว ที่ดินก็เป็นของพระผู้เป็นเจ้า ไม่สามารถจำหน่าย จ่ายโอน ได้ ไม่ว่า การขาย หรือการยกให้ หรอการรับมรดกเปลี่ยนมือ แต่เมื่อกาลเวลผ่านไป แต่ไม่ได้มีการโอนกรรมสิทธิ์ให้กับมัสยิด จะทำให้เกิดความซับซ้อน และควายุ่งยากขึ้น เมื่อผู้วากั๊ฟคนแรกได้เสียชีวตลง ที่ดินตามกฎหมายก็จะตกเป็นมรกดกของทายาท สิ่งนี้เองทางสำนักจุฬาราชมนตรี และคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ได้มีมติเห็นพ้องกันว่า ควรจะมีการรณรรงค์ให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ได้กระตุ้น สนับสนุน ส่งเสริมให้มัสยิดได้ดำเนินการอออกโฉนดี่ดิน โดยคณะกรรมการกลางฯ จะสนับสนุนค่าใช้จ่าย หากมีการร้องขอ และภาครัฐเองก็ให้ความสำคัญโดยการลดค่าธรรมเรียมค่าโอน เหลือเพียง 0.5% เท่านั้น

‘จ.สุราษฎร์ธานี โดยท่านธงชัย ก็ได้ดำเนินการ ถือเป็นโมเดล ได้พยายามเร่งรัดการจดทะเบียนการออกกรรมสิทธิ์ให้แก่มัสยิด ซึ่งก็ได้มอบมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ทีเดียว ซึ่งยังต้องใช้เวลา ในการดำเนินการ ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายพีรพจน์ เมธาพงศ์บริบูรณ์ และคณะ มาโดยตลอด โดยมีท่านอารีย์ วงศ์อารยะ อดีตรมว.มหาดไทย ซึ่งเป็นประธานโครงการแก้ปัญหาเอกสารสิทธิ์ของมัสยิด

แม้ว่าตามหลักศาสนา การบกที่ดินให้มัสยิดถือว่า ที่ดินเป็นของมัสยิดแล้ว แต่ในทางกฎหมายจะต้องดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ หากมีการเสียชีวิตหลายชั้นการโอกนกรรมสิทธิ์ ก็จะเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก มติกรรมการกลางฯ จึงได้เร่งรัดให้มัยิดเร่งออกโฉนด

‘การดำเนินการ ไม่ได้มองว่าอยู่ศานาไหน แต่เมื่ออยู่ร่วมกัน สังคนเดียวกัน แม้จะมีศาสนาที่แตกต่างกัน แต่มีความร่วมมืกัน ให้การแก้ปัญหาต่างๆลุล่วงไปได้’ นายอรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี กล่าว