2544-2568 อวสานระบอบทักษิณ

อวสานระบอบทักษิณ (พ.ศ. 2544–2568): บทสรุป 24 ปีของขั้วอำนาจที่หล่อหลอมการเมืองไทยยุคใหม่

ตลอดช่วงเวลาเกือบ สองทศวรรษครึ่ง (2544–2568) การเมืองไทยถูกขับเคลื่อนและกำหนดทิศทางโดยสิ่งที่สังคมเรียกว่า “ระบอบทักษิณ” ไม่ว่าจะในฐานะพลังทางการเมืองที่ได้รับชัยชนะจากประชาชนอย่างต่อเนื่อง หรือในฐานะเป้าหมายของการต่อต้านจากฝ่ายชนชั้นนำ สถาบันอำนาจดั้งเดิม และกลุ่มอนุรักษนิยม

แม้ “ระบอบทักษิณ” ไม่เคยปรากฏเป็นคำทางกฎหมาย แต่พลังของมันได้หล่อหลอมโครงสร้างการเมืองไทย จนกระทั่งเข้าสู่ปี 2568 ที่หลายฝ่ายมองว่าเป็น “จุดจบยุคทักษิณ” ทั้งในเชิงสัญลักษณ์และในเชิงอำนาจ

บทความนี้สรุปพัฒนาการ rise & fall ของระบอบทักษิณตลอด 24 ปี

1) จุดเริ่ม: การเลือกตั้งปี 2544 และการเกิดขึ้นของ “การเมืองรูปแบบใหม่”

ชัยชนะของพรรคไทยรักไทยในปี 2544 ภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คือจุดเปลี่ยนวงการเมืองไทยที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งหลังพฤษภา 35

สิ่งที่ “ทักษิณนิยม” นำมา ได้แก่

  • นโยบายประชานิยมระดับโครงสร้าง เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค / OTOP / กองทุนหมู่บ้าน
  • การรวมศูนย์ทางการเมืองด้วยเสียงข้างมากเด็ดขาด
  • การสร้างอำนาจผ่านคะแนนนิยมมากกว่าฐานอำนาจเดิม

ทักษิณปรับทิศทางการเมืองไทยจากระบบอุปถัมภ์ท้องถิ่น มาเป็น “การเมืองเชิงนโยบาย” แบบบริษัทบริหารประเทศ

2) จุดพีค: ชัยชนะถล่มทลายในปี 2548

การเลือกตั้งปี 2548 ทำให้ไทยรักไทยได้ 377 ที่นั่ง — มากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย พรรคเดียวคุมรัฐได้ครอบคลุมทุกพื้นที่สำคัญ

นี่คือจุดที่ทักษิณมีอำนาจสูงสุด และเป็นจุดเริ่มต้นของความหวาดระแวงจากชนชั้นนำที่เกรงว่าอำนาจจะล้นเกินรัฐประหารไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป

3) จุดแตกหัก: รัฐประหาร 2549 และยุทธการ “โค่นระบอบทักษิณ”

ปี 2549 คณะปฏิรูปการปกครองฯ ทำรัฐประหารโค่นรัฐบาลทักษิณภายใต้ข้อกล่าวหา

  • ทุจริต
  • แทรกแซงองค์กรอิสระ
  • ใช้อำนาจเกินขอบเขต
  • ทำลายสถาบันหลัก

แต่แทนที่จะทำให้ทักษิณจบ กลับทำให้เขากลายเป็น สัญลักษณ์ของการต่อสู้ระหว่างประชาธิปไตยกับอำนาจดั้งเดิม

4) คำว่า “ระบอบทักษิณ” กลายเป็นศัพท์การเมืองไทย (2550–2557)

ช่วงนี้เป็นยุคที่

  • พรรคพลังประชาชน
  • พรรคเพื่อไทย

กลับมาชนะเลือกตั้งซ้ำ แม้ถูกยุบหลายครั้งก็ตาม

การชุมนุมสีเสื้อ, ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค, การไล่ล้มรัฐบาลสมัคร-สมชาย ล้วนคือความพยายาม “ต้านระบอบทักษิณ” โดยกลุ่มพันธมิตร กกต. องค์กรอิสระ และฝ่ายราชการ

5) วิกฤตแตกหักครั้งใหญ่: รัฐประหาร 2557

การรัฐประหารของ คสช. คือหมุดหมายที่พยายามตัดวงจรทักษิณอย่างเด็ดขาด

  • ยึดอำนาจ
  • ควบคุมสื่อ
  • ยกรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อปิดทางพรรคเพื่อไทยกลับมาคุมรัฐบาล
  • สร้างระบบ ส.ว. แต่งตั้ง 250 คน

แต่กระนั้น ระบอบทักษิณก็ยังไม่ตาย

6) การกลับสู่เวทีในยุค 2566: เพื่อไทย+พันธมิตรทำหาร

หลังเลือกตั้งปี 2566 พรรคก้าวไกลเป็นอันดับหนึ่ง แต่ไม่ได้ตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยกลับตั้งรัฐบาลกับพรรคที่เคยเป็นคู่ปรปักษ์ในประวัติศาสตร์ เช่น

  • รวมไทยสร้างชาติ
  • พลังประชารัฐ
  • ภูมิใจไทย

นี่คือจุดที่ฐานเสียงจำนวนมากรู้สึกว่า
เพื่อไทยไม่ใช่พรรคของประชาชนอีกต่อไป แต่เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างอำนาจเดิม

ส่วนทักษิณเองกลับไทยด้วยดี ลดบทบาทลง และหันไปทำงานแบบ soft power

7) 2567–2568: การสลายตัวของระบอบทักษิณ

สิ่งที่ทำให้คนมองว่า “ระบอบทักษิณสิ้นสุดลง” ในช่วง 2567–2568 คือ

1. ความร่วมมือเชิงโครงสร้างระหว่างเพื่อไทยกับกลุ่มอำนาจเดิม

การจับมือกับพรรคทหารทำให้ “มรดกการต่อสู้ 20 ปี” ถูกตั้งคำถามหนัก

2. ฐานเสียงภาคเหนือ–อีสานเปลี่ยนไป

คนรุ่นใหม่หันไปสนับสนุนพรรคใหม่ที่วิพากษ์ระบอบอำนาจรวมศูนย์มากกว่าอย่างพรรคประชาชน (อนาคตใหม่-ก้าวไกล)

3. ไม่มี “วาระทักษิณ” อยู่บนเวทีการเมืองอีกแล้ว

ทักษิณมีบทบาทเชิงสัญลักษณ์มากกว่าบทบาทจริง

4. ผู้สืบทอดขาดภาวะผู้นำหรือไม่สามารถสร้างฐานใหม่

กระแสรอบตัวคนในตระกูลไม่แรงพอที่จะสร้างขั้วการเมืองใหม่เหมือนเดิม

8) อะไรคือมรดกของระบอบทักษิณ?

แม้ยุคทักษิณจะเสร็จสิ้นลง แต่สิ่งที่เขาทิ้งไว้มีอิทธิพลต่อการเมืองไทยอย่างลึกซึ้ง ได้แก่

1. การเมืองเชิงนโยบาย (Policy-based Politics)

ประชาชนตั้งความหวังกับนโยบายจริง มากกว่าคำสัญญาลอย ๆ
นี่คือการเปลี่ยนโครงสร้างความคิดคนไทยทั้งประเทศ

2. ประชานิยมเป็นมาตรฐานของรัฐบาลไทยทุกชุด

ไม่มีรัฐบาลไหนยกเลิก 30 บาท
ไม่มีรัฐบาลไหนเลิกกองทุนหมู่บ้าน
นโยบายไทยรักไทยกลายเป็นพื้นฐานของรัฐสวัสดิการยุคใหม่

3. ความตื่นตัวทางการเมืองของมวลชน

เสื้อเหลือง-เสื้อแดง-คนรุ่นใหม่ คือผลผลิตของความขัดแย้งที่ทักษิณเข้ามาเป็นตัวเร่ง

4. การต่อสู้เรื่องโครงสร้างอำนาจรัฐประหาร

ทักษิณคือสัญลักษณ์ของการท้าทายอำนาจดั้งเดิมมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย

9) อวสาน แต่ไม่ใช่การหายไป

แม้ระบอบทักษิณจะเสื่อมอำนาจลงในปี 2568 แต่ “ผลกระทบเชิงโครงสร้าง” จะไม่หายไปง่าย ๆ

  • การเมืองแบบประชานิยม
  • การเรียกร้องรัฐสวัสดิการ
  • การรวมพลังของประชาชน
  • การตั้งคำถามต่อโครงสร้างชนชั้นนำ

ยังคงอยู่ต่อไปในทุกรัฐบาลหลังจากนี้

อวสานระบอบทักษิณจึงไม่ใช่การจบของบุคคล แต่เป็นการเปลี่ยนยุคของการเมืองไทยทั้งระบบ