ถาวร เสนเนียม เตรียมลา รทสช. กลับประชาธิปัตย์มั่นใจการนำของ’อภิสิทธิ์’ นำพรรคกลับมาสู่ความนิยม บริหารประเทศได้ ระบุ กระแสพรรคดีขึ้น แต่ต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชน ให้ทิ้งระบบอุปถัมป์สู่การเมืองสุจริต ชี้การซื้อเสียงนำไปสู่การคอรัปชั่นที่ทำลายประเทศ
นายถาวร เสนเนียม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตตย์ กล่าวถึงพรรคประชาธิปัตย์ว่า หลังมีการเปลี่ยนแปลงโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ามาเป็นหัวหน้าพรรค กระแสความนิยมของพรรคดีขึ้น ดูจากนิด้าโพลล์ จะเห็นว่าแต่ละภาคความนิยมขึ้นไปอยู่อันดับ 3 จำนวนเปอร์เซ็นต์ที่จะเลือกประชาธิปัตย์อยู่ที่ 9%กว่า จาก 1% และคาดว่าใกล้วันเลือกตั้งความนิยมจะขึ้นไปที่ระดับ 10% กว่า
‘กระแสพรรคดีขึ้นกว่าเดิมชัดเจนเมื่อคุณอภิสิทธิ์ เข้ามาจากเดิม เพียง 1% นิดๆ’นายถาวร กล่าวและว่า จากที่มีการวิเคราะห์ว่า พรรคประชาธิปัตย์ อาจจะได้กระแสในภาพรวม แต่สส.เขตอาจจะได้ไม่มากนักนั้น เมื่อสส.เขตมีการซื้อเสียงเกือบ 100% ถ้าคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) หรือข้าราชการที่กกต.ขอตัวมาช่วยราชการ เช่นตำรวจ ทหาร หรือฝ่ายปกครอง ถ้ามีการปฏิบัติหน้าที่โดยเข้มแข็งก็คิดว่า การซื้อเสียงก็จะลดลง เมื่อนั้นประชาชนจะได้ตื่นตัวและรู้ว่า คนที่ซื้อเสียงเข้าไป เพื่อมาทุจริจจะเป็นการกระหน่ำซ้ำเติมประเทศไทยชาติ ให้ทรุดโทรมมากยิ่งขึ้น
‘การพูดว่า ในเขตพื้นที่ยังไม่ดี เป็นการพูดที่ถูกต้องภายใต้เงื่อนไขที่กกต.ไม่ทำงาน แต่คิดว่า คนไทยใช่ว่าจะโง่ แต่เขชาไม่มีตัวเลือก เมื่อไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่า ที่มีอุดมการณ์มากกว่า มีความสามารถมากกว่า เขาจึงไปรับเงินใช้ระบบอุปถัมป์ตอบแทนบุญคุณด้วยการลงคะแนนให้’ นายถาวร กล่าว
‘คิดว่า ประชาธิปัตย์หลังการเลือกตั้ง ถ้าได้สส. 20 บวกลบก็โอเคแล้ว สามารถเสนอกฎหมายได้ ทำหน้าที่ในสภาได้ ขออย่างเดียวให้ได้นักการเมืองที่มีคุณภาพเข้าไป ถ้าเข้าไปแค่ยกมือก็ไม่มีประโยชน์’ นายถาวร กล่าว
ส่วนกระแสความนิยมของพรรคในภาคเหนือและภาคอีสาน ซึ่งยังไม่ดีเท่าภาคใต้และกทม.นั้น นายถาวรกล่าวว่า ผู้บริหารพรรคคงมีนโยบาย หรือมีวิธีการ อย่างที่พูดแล้วว่า กระแสความนิยมพรรคอยู่ที่ ประมาณ 10% เมื่อใกล้เลือกตั้งคงอยู่ในระดับ 10%กว่า ส่วนที่เป็นนโยบายก็จะเข้ามาอุดช่องว่าง อุดจุดบกพร่อง และการทำความเข้าใจกับประชาชน ก็คิดว่าประชาชนคงอยากได้นักการเมืองที่ดี มีความรู้ ความสามารถ เพราะทุกคนทราบดีว่าปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นของประเทศไทย ไปอยู่ในลำดับที่ 110 จาก 180 ประเทศ จากข้อมูลขององค์กรความโปร่งใสระดับโลก คะแนนที่เราเคยได้ 50 กว่า ตอนนี้เหลือ 35 คะแนน
‘เมื่อพูดให้พี่น้องเข้าใจว่า เลือกนักการเมืองซื้อเสียงและส่อทุจริตก็จะเป็นเช่นนี้ และคนไทยก็เห็นเป็นตัวอย่างแล้วว่า นายทักษิณ ชินวัตร อยู่ในคุกก็เพราะทุจริต คนของระบอบทักษิณ นับ 10 คน อยู่ในคุกก็เพราะทุจริต และเงนเหล่านั้นสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ตัวอย่างโครงการรับจำนำข้าว เป็นการทุจริตที่เห็นได้ชัด การทำให้ราคาข้าวสูงขึ้นมีหลายวิธีไม่ใช่ใช้วิธีการรับจำนำแต่ไปทุจริตในกระบวนการจัดการ ดังนั้นการทำความเข้าใจกับประชาชนเป็นเรื่องที่ดีที่สุดและแก้ไขได้’ อดีตรมช.คมนาคม กล่าว
.
การที่ประชาธิปัตย์รณรงค์ไม่เอาการเมืองสีเทา จะสามารถดึงประชาชนที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคใดได้หรือไม่นาย ถาวร กล่าวว่า คงได้ระดับหนึ่ง ต้องดูว่าที่พูดทำจริงหรือไม่ ถ้าทำจริงประชาชนส่วนหนึ่งมาเลือกแน่ แต่ก็ถูกวาทะกรรมบุลลี่ว่าดีแต่พูด แต่ถ้าไม่พูดประชาชนจะรู้ได้อย่างไร ถ้ารวมนักการเมืองที่ติดคุกในคดีทุจริต ถ้าย้อนกลับไป 20-30ปี จะเห็นว่า การตรวจสอบการทุจริตเอาคนทุจริตเข้าคุกมาจากทำงานของพรรคประชาธิปัตยฺมากที่สุด พรรคอื่นยังมองไม่เห็นเลยว่า มี ซึ่งมาจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจและนำข้อมูลให้ปปช. ไปดำเนินคดี ซึ่งอาจจะช้าบ้างเพราะนำวัฒนธรรมข้าราชการไปทำงานทั้งๆที่มีกฎหมายบังคับให้เสร็จภายใน3ปี แต่ก็ยังช้าเหมือนเดิมจะอ้างว่ามีกำลังไม่พอก็สามารถแก้ปัญหาได้ เราไม่ต้องการการแก้ตัวจากปปช.แต่ต้องการประสิทธิภาพการทำงาน
ส่วนการที่มีระดับแกนนำหลายคนออกจากพรรค จะส่งผลให้พรรคไม่เติบโตเต็มที่หรือไม่ นายถาวร กล่าวว่า การฟื้นปริมาณสส. ถ้าพรรคไม่สามารถสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนได้ ระบบอุปถัมป์ก็จะติดตัวนักการเมืองไป ซึ่งมีทุกพรรค เพราะนักการเมืองเหล่านี้ใกล้ชิดกับฐานมวลชนที่ต้องพึ่งพิง คนก็จะตอบแทนด้วยการเลือก
‘ไม่ต้องกังวล ได้เท่าไหร่ก๋เอาเท่านั้น ให้ได้คนดีๆ มีประสิทธิภาพมากที่สุด ผมคิดว่า ผู้บริหารพรรคต้องทำใจได้’ นายถาวร กล่าว และว่า ที่สส.ของพรรคส่วนใหญ่ออกไป ต้องขอยืมคำของนายอภิสิทธิ์ว่า การที่ออกไปด้วยความตกลงปลงใจกันเรื่องตัวเลข ที่มี2 หลักหลังคอมม่าเกือบทุกคน ตนอยู่ในพื้นที่ เป็นส.ส.มา 7 สมัยรู้ดี ในการเลือกตั้งปี 2562 กับ 2566 มีการซื้อเสียงมาก แต่กกต.ไม่ทำงาน เราส่งหลักฐานไป กกต.บอกให้หามาเพิ่ม เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เหมือนพนักงานสอบสวนในปัจจุงันที่เวลามีคนไปแจ้งความก็ให้ไปหาหลักฐานมาเพิ่ม แทนที่จะใช้อำนาจหน้าที่สืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานก็ไม่ทำ โยนให้คนแจ้งความไปหามา แบบนี้ใช้ไม่ได้ ต้องปฏิรูป แต่คสช.เข้าไปก็ไม่ทำอะไรเลย
เมื่อถามว่า ตอนหาเสียงเมื่อปี 2562 นายอภิสิทธิ์ เคยปฏิเสธพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แฟนคลับพล.อ.ประยุทธ์ จะกลับมาสนับสนุนหรือไม่ นานถาวร กล่าวว่า การที่คนนิยมลุงตู่ เพราะคิดว่าเข้ามาจะกำจัดระบอบทักษิณ และมีกลุ่มต้องการล้มล้างสถาบัน วึ่งตรงกับความต้องการของประชาชน แต่ลุงตู่มีมาตรา 44 ในมือ มีอำนาจเด็ดขาด แต่ไม่ได้ดำเนินการอะไรให้เด็ดขาด และอยู่ในอำนาจตามรัฐธรรมนูญอีก 4 ปี แต่การทุจริตก็มากขึ้นกว่าก่อนการรัฐประหาร จะปฏิรูปประเทศ ก็ไม่ทำอะไร ออกกฎหมายปฏิรูปตำรวจก็ยังออกมาแฉกันมากมาย เท่ากับว่า ยังไม่ได้ปฏิรูปเลย การอ้างปแฏิรูปของลุงตู่หลายเรื่องจึงล้มเหลว จึงเป็นบทเรียนว่า การนำความคาดหวังไปไว้กับบุคคลเพียงคนเดียว ไม่ได้ ต้องคาดหวังกับองค์กรและการบริหารองค์กรเป็นหลัก คือกลับไปสู่พรรคการเมืองที่มีความยั่งยืนให้ได้
‘ประชาชนคาดหวังลุงตู่ แต่ยุคที่นำทักษิณกลับมา เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการขอพระราชทานอภัยโทษ และคนที่นำทักษิณกลับไป(เข้าคุก)คือคณะของคุณชาญชัย (อิสราเสนารักษ์) และสว. เป็นคนร้องต่อศาลและมีมวลมหาประชาชนไปกดดันจึงส่งผลให้ทักษิณกลับไปอยู่ในคุกอีก ไม่ใช่ฝีมือของลุงตูา แต่เป้นฝีมือของประชาชนล้วนๆ จึงเลิกเสียทีที่จะนำประเทศชาติไปฝากไว้กับคนๆเดียว บริบทของคนรอบข้างก็มีผล รอบข้างลุงตู่มีทุจริตกี่คน ไว้เวทีเหมาะๆจะเล่าให้ฟัง คิดว่า คนจะแยกขาวกับดำ ถูกหรือผิดออก ยกเว้นคนที่ดันทุรังก็ปล่อยเขาไป แต่ลุงตู่ก็ได้สร้างประโยชน์ต่อประเทศ แต่เราคาดหวังสูงกว่านั้น ลุงตุ่่เข้ามาด้วยการรัฐประหาร เพื่อขจัดการคอรัปชั่นเหมือนที่มวลมหาประชาชนต้องการ แต่เมื่อเข้ามาเจตนารมณ์นี้ก็หายไป การทุจริตมีมากกว่าเดิม การเล่นพรรคเล่นพวกมากกว่าเดิม ใครจะรักลุงตู่ก็รักไป แต่ต้องเปลี่ยนความรักมายังคนที่จะเข้ามาทำหน้าที่ใหม่ ลุงตู่ทำสำเร็จเพียงน้อยนิด เราก็ต้องสู้กันต่อ’ นายถาวร กล่าว
ส่วนนายอภิสิทธิ์ จะเป็นผู้นำสายอนุรักษ์นิยมได้หรือไม่ นาถาวร กล่าวว่า อย่าเรียกว่า สายอนุรักษ์นิยม เพราะคือการบุลลี่จากฝ่ายตรงกันข้าม คำว่าอนุรักษ์นิยมคือการไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย แต่ประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ทันสมัย เช่นจะทำการเมืองให้สุจริต จะกระจายอำนาจ จะแทรกแซงการบริหารธุรกิจที่นายทุนเอารัดเอาเปรียบ หรือปัญหาชายแดน ต้องใช้คำว่า จงรักภักดีอย่าใช้คำว่าอนุรักษ์ เรามีความจงรักภักดี เพราะฉะนั้นการเป็นตัวแทนของคนกลุ่มนี้ ไม่ใช่คนที่ต้องการล่มล้างสถาบัน คิดว่านายอภิสิทธิ์ เป็น(ผู้นำ)ได้ และเคยเป็นมาแล้วตอนเป็นก็ได้จัดการกับคนทำผิดกฎหมาย จนคนเหล่านั้นยอมถอนออกไป
‘ผมคิดว่า คนอย่างนายอภิสิทธิ์ เป็นคนที่ไว้วางใจได้ และจะนำพาประเทศชาติไปได้ในระดับหนึ่ง’ นานถาวร เน้นย้ำ
นายถาวร กล่าวว่า ส่วนตัวยังเป็นสมชิกพรรคร่วมไทยสร้างชาติ(รทสช.) และเมื่อมีการนิรโทษกรรม หรือพ้นจากคดีในศาลฎีกา มีคุณสมบัติครบก็จะไปลาคุณพีรพันธ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครทสช.เพื่อเข้าประชาธิปัตย์ ตอนนี้ บรรดาแกนนำในประชาธิปัตย์ เมื่อเห็นตนออกมาเชียร์คุณอภิสิทธิ์ ก็ถามว่า เมื่อไหร่จะเข้าไปก็บอกว่า ขอมีคุณสมบัติครบก่อน ที่ยังไม่ลาออกตอนนี้ เพราะผูกพันอยู่กับนายพีรพันธ์ ที่เป็นผู้เสนอกฎหมายปรองดอง หรือนิรโทษกรรม เป็นผลงานของรทสช.ก็คิดว่า ดื่มน้ำต้องคิดถึงลำธาร
‘เมื่อกฎหมายผ่านก็จะไปขอบคุณท่านและบอกว่า จะลาออกมาอยู่พรรคเดิม ท่านเป็นคนใจกว้างคงจะเข้าใจ คำว่า น้อยใจของนักการเมืองไม่มี มีแต่คำว่าเข้าใจกัน ท่านเข้าใจผม ผมเข้าใจท่าน’ นายถาวร กล่าวในที่สุด



