ไทยรัฐแจ้งจับมือโพสต์ กล่าวหาโกง จับรางวัลทายผลบอลโลก (ดูคลิป)

1086

ไทยรัฐทนไม่ไหว ถูกนักเลงคีย์บอร์ด กล่าวหาโกงจับรางวัลทายผลบอลโลก อ้างทูจฝรั่งเศสล้วงกระเป๋า ระบุ หยิบบัตรที่หล่นใส่เสื้อ(ดูคลิป)

วันที่ 14 ส.ค. นายปฐมพงศ์ ศุภสินธุ์ ตัวแทนฝ่ายกฎหมาย บริษัท วัชรพล จำกัด หรือไทยรัฐ ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่โพสต์ และแชร์คลิปการจับไปรษณียบัตรทายผลบอลโลก 2018 พร้อมเขียนข้อความหาว่าล็อกผลการจับรางวัล

โดย นายปฐมพงศ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา ไทยรัฐมีการจับไปรษณียบัตรมอบโชคให้ผู้ทายผลฟุตบอลโลก 2018 โดยมีนายจิลส์ การาชง เอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย ให้เกียรติมาเป็นผู้จับไปรษณียบัตรมอบโชค พร้อมผู้บริหารไทยรัฐ กรุ๊ป รวมทั้งศิลปินดาราชื่อดังจำนวนมาก ร่วมเป็นสักขีพยาน กระทั่งเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ทางผู้บริหารไทยรัฐ ได้เห็นมีการแชร์คลิปที่นายจิลส์ จับไปรษณียบัตรที่โปรยและตกใส่ตัว พร้อมข้อความหาว่าท่านทูตมีการล็อกผล ล้วงไปรษณียบัตรจากกระเป๋าเสื้อสูท

ทั้งนี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ “สุธี ชัยสกุลสุรินทร์” ได้นำคลิปดังกล่าวมาโพสต์เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พร้อมข้อความระบุว่า “ล้วงกระเป๋าเอาโพยออกมา ตอนวินาทีที่ 26 ฮั้วกัน ทายฟุตบอล เลิกงมงายได้แล้ว ไทยรัฐโกงกันแบบนี้ พิจารณากันเองนะครับ ส่งกันมา” ซึ่งจากการตรวจสอบคลิปดังกล่าว เป็นคลิปแค่มุมเดียว และไม่ใช่คลิปฉบับเต็ม ซึ่งในวันดังกล่าว ไทยรัฐมีการถ่ายทอดสด และมีการใช้กล้องจับภาพหลายมุม ประกอบกับมีผู้ทรงคุณวุฒิ ,ผู้บริหารองค์กร และผู้มาร่วมงานรวมหลายร้อยคน จึงขอยืนยันว่า ไทยรัฐจับไปรษณียบัตรมอบโชคอย่างโปร่งใสบริสุทธิ์ และไม่คิดจะล็อกผลให้เสื่อมเสียชื่อเสียงสื่อยักษ์ใหญ่แน่นอน ทางผู้บริหารบริษัทฯ จึงมอบอำนาจให้ฝ่ายกฎหมายมาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้โพสต์ดังกล่าว เพื่อดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะเป็นการทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และทำให้ประชาชนเข้าใจผิด

เบื้องต้น ฝ่ายกฎหมายของไทยรัฐ ได้ตรวจสอบ และแจ้งความเอาผิดทั้งหมด 14 ราย แบ่งเป็น ผู้โพสต์คลิป และข้อความทางเฟซบุ๊ก 3 ราย แชร์ทางเฟซบุ๊ก 2 ราย และแชร์ทางแอพพลิเคชั่นไลน์ 9 ราย ก่อนมอบหลักฐานทั้งหมดที่รวบรวมมาได้ให้กับ ตำรวจ ปอท.เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้ ทางตำรวจจะตรวจสอบหลักฐานที่ได้รับมอบจากผู้เสียหาย ว่าทั้ง 14 ราย เป็นผู้ใช้บริการทางเฟซบุ๊ก และแอพพลิเคชั่นไลน์ตัวจริงหรือไม่ โดยจะใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 1 สัปดาห์ จึงจะทราบผล ส่วนจะเข้าข่ายผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในข้อหา “นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์” ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ หรืออาจเข้าข่ายความผิด ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ในคดีอาญา โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบก่อน

อย่างไรก็ตาม จึงฝากขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชน การโพสต์หรือแชร์ในโลกโซเชียล ไม่ว่าจะด้วยความคึกคะนอง เมามัน หรือโพสต์ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ควรจะตรวจสอบถึงแหล่งที่มา และความน่าเชื่อถือเป็นหลัก เพราะหากพลาดพลั้งไปแล้ว การกระทำในโลกโซเชียลสามารถถูกดำเนินคดีทางกฎหมายได้ ทั้งโทษจำคุก และโทษปรับได้