นายกฯไหว้ครูอาวุโส มอบคำขวัญ’ครูดี ศิษย์ดีมีพัฒนา ก้าวหน้าสู่เมคโนโลยี’

84

“นายกฯ” ไหว้ครูอาวุโสจากโรงเรียนนายร้อย มอบคำขวัญ “ครูดี ศิษย์ดี มีพัฒนา ก้าวหน้าสู่เทคโนโลยี” แนะครู หยิบเรื่องฮอตจากโซเชียลมาวิเคราะห์ในห้องเรียน หวังสร้างภูมิคุ้มกันในยุคเทคโนโลยี ห่วงเด็กคิดเลขอ่อน

วันที่ 16 ม.ค. 62 ที่หอประชุมคุรุสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีงานวันครู ครั้งที่ 63 พ.ศ.2562 ซึ่งนายกฯ ได้มอบคำขวัญวันครูคือ “ครูดี ศิษย์ดี มีพัฒนา ก้าวหน้า สู่เทคโนโลยี” ทั้งนี้นายกฯ ได้คารวะครูที่เคยสอนนายกฯ สมัยเป็นนักเรียนโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ(จปร.)ได้แก่ พล.อ.เกษม นภาสวัสดิ์ โดยพล.อ.เกษม ได้พูดถึงนายกฯตอนเรียนโรงเรียนนายร้อยว่า นายกฯเป็นนักเรียนเมื่อปี 2514 ตนสอนวิชาคณิตศาสตร์ ที่จะจำได้ว่านายกฯเรียนรุ่นนี้เพราะเป็นนักเรียนรุ่นน้องที่โรงเรียนวัดนวลนรดิศ นายกฯหรือนักเรียนนายร้อยประยุทธ์ตอนนั้นมีจุดเด่น เป็นคนที่มีรูปร่างสูงเด่น พูดจาเสียงดังฟังชัด เดินมากับกลุ่มเพื่อนจะเห็นชัดเจน การเรียนทั่วๆไป ครูจะจำนักเรียนได้มากน้อยคือเรียนดี หรือเรียนอ่อน แต่นายกฯไม่อยู่ในสองกลุ่มนั้น เป็นคนเรียนได้สบายๆ บุคลิกของตนที่ทำให้ลูกศิษย์จำคือเป็นคนเอาจริงเอาจัง ไม่ยอมหรือละเว้นเรื่องความรู้และระเบียบวินัยตนถือเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องปกติของครู เมื่อศิษย์จบมาได้เป็นใหญ่เป็นโตหรือเป็นนายกฯก็ต้องภูมิใจเป็นธรรมดา ถ้าจะให้ฝากถึงนายกฯตนจะบอกว่าตนมีความภูมิใจมากที่นายกฯเป็นลูกศิษย์และเป็นรุ่นน้องจากโรงเรียนเดียวกันด้วย ซึ่งติดตามการทำงานของนายกฯมาโดยตลอด ถือว่านายกฯประสบความสำเร็จในการทำงาน และทำงานได้ดี ถึงแม้ว่าจะเข้มแข็งแต่นั่นเป็นบุคลิกของทหาร

จากนั้นนายกฯ กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า ครูนอกจากจะผลิตลูกศิษย์แล้ว ต้องสร้างสังคมให้มีความสงบสุขด้วย ต้องสร้างเด็กให้มีระเบียบวินัยตั้งแต่เด็ก เราจะทิ้งสิ่งเหล่านี้ไปไม่ได้ เพราะหากเขาโตขึ้นเขาจะติดนิสัยที่แก้ไขไม่ได้ รวมถึงต้องสร้างคนที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งว่าเราต้องทำความดีด้วยหัวใจ ด้วยจิตอาสา สิ่งเหล่านี้ขาดหายไปจากสังคมพอสมควร เราถือว่าครูเป็นผู้สร้างคุณูปการต่อการศึกษา ต่อสังคม ต่อชาติและโลก ควรยกย่องเป็นปูชนียบุคคล ขอให้วันที่ 16 ม.ค.ครูทุกคนควรนึกว่าทำอะไรไปบ้าง ทำให้ปีหน้าดีกว่าปีเดิม ไม่ใช่มุ่งหวังแต่จะรับรางวัล วันนี้รัฐบาลมุ่งหวังปฏิรูปการศึกษา ตนทราบว่ารัฐมนตรีว่าเรามีการปฏิรูปหลายอย่าง ซึ่งเราต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ ว่าสิ่งที่เขาว่าและโจมตีเราอยู่ เราจะไม่สนใจก็ไม่ได้ เราต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้สังคม โซเชียลมีเดียที่ออกมาให้ร้ายว่ากล่าวกันทุกวัน มันใช่หรือไม่ สิ่งสำคัญต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กๆ ตนอยากให้ทุกโรงเรียนนำเรื่องในโซเชียลมีเดียไปพูดคุยกับเด็กนักเรียนในห้องเพื่อวิเคราะห์ว่าเรื่องไหนจริง ซึ่งครูต้องชี้แนะว่าอันไหนคือสิ่งที่ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นวันหน้าจะยิ่งกว่านี้และจะไม่มีใครอยู่เป็นสุขได้เลย นั่นคือสังคมของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ที่กฎหมายใช้มากไม่ได้ เพราะคาบเกี่ยวระหว่างสิทธิมนุษยชน การคุ้มครองสิทธิ์ ซึ่งเราต้องระวังอย่ามุ่งหวังใช้กฎหมายเพียงอย่างเดียว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า เราต้องสอนให้เด็กมีความกล้า แต่ไม่ได้สอนให้เด็กออกนอกกรอบ เพราะเรายังไม่มีกรอบให้เขา ไม่ใช่ให้แต่คิดนอกกรอบ ไม่สอนเรื่องกฎหมายที่เป็นกรอบหลักก่อน เมื่อคิดนอกกรอบ กว่าจะดึงกลับเข้ากรอบก็ไม่ได้แล้ว นี่คือหลักการที่ตนเห็นว่าไม่ถูกต้อง การคิดนอกกรอบต้องมีบรรทัดฐาน มีภูมิคุ้มกันก่อนจึงจะคิดนอกกรอบได้ และทำอย่างไรให้อยู่กรอบ ตามกติกาเพื่อเป็นกรอบใหม่ขึ้นมา ไม่ใช่ทำอะไรก็ได้ เสร็จแล้วคือเสรี คือประชาธิปไตย เสรีภาพที่ทำประเทศวุ่นวาย เราต้องอาศัยครูที่มีศักยภาพ และอาศัยการปฏิรูปจากภายใน ไม่มีใครปฏิรูปครูได้ดีกว่าตัวครูเอง ไม่มีใครปฏิรูปกระทรวงศึกษาได้ดีกว่ากระทรวงศึกษาเอง แต่เราต้องเอาสาเหตุและปัจจัยต่างๆมาแก้ไขร่วมกัน ว่าเราได้อะไรเสียอะไรจากตรงนี้ ตรงนี้คือการปฏิรูปการศึกษาในประเทศไทย

“สิ่งที่เป็นปัญหาคือความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ถ้าเรามุ่งหวังให้คนออกนอกระบบการศึกษาไป1ล้านคน แล้วเอาคนกลับเข้ามาในระบบการศึกษา จะเอากลับมาได้ไหม แล้วมาบอกว่าเขาขาดทุนการศึกษา เพราะรัฐบาลไม่สนับสนุนมันใช่หรือไม่ คงไม่ใช่ทั้งหมด หลายคนออกไปด้วยความจำเป็นเพราะเรียนไม่ไหว หรือหารายได้เลี้ยงดูพ่อแม่ ถ้าเราจะเอาตัวเลขคนเหล่านั้นกลับเข้ามาแล้วเบิกงบประมาณเท่านั้นเท่านี้ ถามหน่อยว่าเอากลับเข้ามาได้หรือไม่ เรื่องนี้เราต้องไปเพิ่มสมรรถภาพของการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ไปเปิดในหลายๆที่หลายๆแห่ง รัฐบาลยินดีสนับสนุนเพื่อทำให้คนเหล่านี้มีการศึกษามากขึ้น เมื่อเขาพร้อมเขาจะกลับมาในระบบการศึกษา ทั้งนี้ต้องไม่มุ่งหวังแต่ปริญญาแล้วไม่มีงานทำ ซึ่งเป็นปัญหาระบบการศึกษาของเรา ผมลงพื้นที่มีคนเดินมาบอกว่าให้หางานให้ทำหน่อย ผมก็คิดว่าเป็นนายกฯต้องทำขนาดนี้เชียวหรือ ใช่อาจเป็นความรับผิดชอบของผม แต่ความรับผิดชอบเหล่านี้ต้องอยู่กับครูด้วย สถาบันการศึกษาต้องทำอย่างไรให้คนจบแล้วมีงานทำ”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สังคมวันนี้เด็กไม่เรียนอะไรที่ยากๆเลย ไม่ชอบเรียนอะไรที่เกี่ยวกับเลข คำนวณ คณิตศาสตร์ไม่เรียน เห็นได้จากเด็กคิดคำนวณเลขไม่ได้ คูณตัวเลขสามตัวยังไม่ได้ นี่หรือที่เรียกว่าการศึกษาเราดีขึ้น เราดีในเรื่องอื่น แต่อย่างนี้มันหายไป ขอให้กลับไปทบทวน แม้ขณะนี้จะแก้ปัญหาเรื่องการศึกษา แต่ไม่ลืมเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของครู แต่วันนี้ต้องดูแลคนหลายฝ่าย ขอให้ครูคิดว่ายังมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า

นอกจากนี้พล.อ.ประยุทธ์ ยังมอบสารนายกฯเนื่องในวันครู โดยมีใจความว่า เนื่องในโอกาสวันครู วันที่ 16 ม.ค.เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่ง ขอส่งความระลึกถึงและความปรารถนาดีมายังครูและบุคลากรทางการศึกษาทั่วประเทศที่เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาการศึกษาของชาติตลอดมา ครูเป็นผู้ทรงคุณค่าที่มีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการการสร้างทรัพยากรบุคคลของชาติ ในฐานะผู้ประสิทธิ์ประสาทความรู้พร้อมอบรมสั่งสอน บ่มเพาะเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ มีจิตสำนึกและค่านิยมที่ดี ผมได้มอบคำขวัญวันครู ประจำปีพุทธศักราช 2562 ว่า ครูดี ศิษย์ดี มีพัฒนา ก้าวหน้าสู่เทคโนโลยี เพื่อให้ครูได้ตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ในการเป็นต้นแบบที่ดีให้แก่ศิษย์ ตลอดจนมีความมั่งมุ่นในการพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพและสามารถปรับตัวให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก ซึ่งผมขอเป็นกำลังใจให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกท่าน ที่มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งในการพัฒนาเด็กและเยาวชนไทยให้พร้อมเติบโตเป็นพลเมืองดีและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงต่อไป โอกาสนี้ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย อีกทั้งเดชะพระบารมีแห่งองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดอภิบาลประทานพรให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกท่าน จงประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ และสัมฤทธิ์ผลในสิ่งที่พึงปรารถนาโดยทั่วกัน