นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียสกอต มอร์ริสัน ระบุว่ามือปืนเป็นผู้ก่อการร้าย “หัวรุนแรง ขวาจัด”
ตำรวจระบุว่าจะนำตัวชายวัย 20 ปีเศษซึ่งถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมไปขึ้นศาลในเช้าวันพรุ่งนี้ นอกจากนี้ยังมีชายอีกสองคน และผู้หญิงอีกหนึ่งคนถูกคุมตัวในที่เกิดเหตุ ซึ่งตำรวจกำลังสืบสวนสอบสวนถึงความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์
เหตุกราดยิงเหตุการณ์แรกเกิดขึ้นที่มัสยิด อัล นูร์ ใจกลางเมืองไคร์สตเชิร์ช เป็นจุดที่สื่อรายงานว่ามีประชาชนพยายามหนีเอาตัวรอด และมีคนนอนจมกองเลือดด้านนอกมัสยิด
ส่วนเหตุการณ์ที่สองเกิดที่มัสยิดชานเมืองลินวูด ซึ่งในจุดที่สองนี้มีรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์น้อยมาก แต่ที่นี่ตำรวจสามารถ\nปลดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ติดอยู่กับรถยนต์ออกไปได้
ด้านนางจาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีหญิงของนิวซีแลนด์ ซึ่งได้เรียกประชุมฉุกเฉินเพื่อรับมือสถานการณ์วิกฤต เป็นผู้เปิดเผยตัวเลขผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้ได้กล่าวว่าวันนี้ถือเป็นวันแห่งความมืดมนที่สุดของนิวซีแลนด์ ส่วนที่นิวซีแลนด์ตกเป็นเป้านั้นไม่ใช่เพราะเป็นสถานที่รองรับความเกลียดชังและความแตกแยก
“เราตกเป็นเป้าเพราะความจริงที่ว่าเราไม่ได้อยู่ในข่ายนี้เลย” แต่เป็นเพราะ “ความหลากหลาย ความโอบอ้อมอารี และความเห็นอกเห็นใจ” ที่นิวซีแลนด์มีให้ และเพราะ “ที่นี่คือบ้านของผู้ที่มีค่านิยมเดียวกัน และเป็นที่พักพิงสำหรับผู้ที่มีความต้องการ” การโจมตีที่เกิดขึ้นครั้งนี้ไม่อาจทำลายและสั่นคลอนค่านิยมเหล่านี้ได้
นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์กล่าวด้วยว่า บุคคลที่ถูกจับกุมไม่ได้อยู่ในบัญชีผู้ก่อการร้ายที่ถูกจับตา แต่ชัดเจนว่าเป็นผู้ที่มีแนวคิดสุดโต่ง
นางอาร์เดิร์น ยังยืนยันถึงการพบระเบิดแสวงเครื่องที่ถูกนำไปติดไว้กับรถยนต์ของผู้ก่อเหตุ แต่ไม่อาจระบุได้ว่า เป็นแผนที่จะก่อเหตุระเบิดรถยนต์หรือไม่
ปากคำผู้เห็นเหตุการณ์
ผู้เห็นเหตุการณ์ที่มัสยิด อัลนูร์ บอกกับสถานีวิทยุนิวซีแลนด์ว่า มือปืนเปิดฉากยิง ทำให้ผู้ที่อยู่ในมัสยิดพากันหาที่กำบังตัว “พอเราไม่ได้ยินเสียงปืนอีก จึงลุกขึ้นและเห็นคนพากันวิ่งหนี แต่พวกเขาต้องวิ่งตัวโชกเลือดกลับเข้ามา บางคนถูกยิง หลังจากนั้นอีกห้านาทีตำรวจก็มาถึง และพาพวกเราหนีออกไป”
ตำรวจประกาศเตือนประชาชนไม่ให้เข้าใกล้พื้นที่เกิดเหตุซึ่งได้แก่มัสยิดอัล นูร์ และมัสยิดลิน วูด ขณะที่โรงเรียนทุกแห่งในเมืองไคร์สตเชิร์ชซึ่งปิดห้ามผู้คนเข้าออกก่อนหน้านี้ ได้เปิดตามปกิแล้ว ทำให้พ่อแม่ไปรับลูก ๆ ออกจากโรงเรียนได้
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของไทยทวีตข้อความว่าในเบื้องต้นไม่มีรายงานว่ามีคนไทยได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
อุดมการณ์แค้นเคือง “ต้านมุสลิม”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีการเผยแพร่ข้อความประกาศอุดมการณ์ซึ่งเชื่อกันว่าเขียนโดยมือปืนชาวออสเตรเลียผู้ก่อเหตุ ทางออนไลน์ โดยถ้อยคำที่ใช้เต็มไปด้วยความแค้นเคืองที่มีต่อชาวมุสลิมและผู้อพยพเข้าเมือง โดยใช้ถ้อยคำอย่าง “ผู้รุกราน” เนื้อความยังยกย่องคนผิวขาวที่มีแนวคิดชาตินิยม
ข้อความประกาศอุดมการณ์ที่เผยแพร่ทางออนไลน์นี้สะท้อนเนื้อหาเดียวกันกับที่นายอันเดอร์ช เบห์ริง เบรวิก ฆาตกรผู้ก่อเหตุสังหารหมู่ที่ประเทศนอร์เวย์ในปี 2554 เคยโพสต์ไว้ทางออนไลน์
มือปืนรายนี้ยังได้ใช้กล้องที่ติดไว้กับศีรษะถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กเหตุการณ์ขณะจ่อยิงอย่างไม่เลือกหน้าทั้งชาย หญิง และเด็กที่อยู่ในมัสยิดอัล นูร์ ขณะที่ตำรวจขอร้องประชาชนไม่ให้เผยแพร่คลิปวิดีโอดังกล่าว
ด้านเฟซบุ๊กเปิดเผยว่าได้ลบบัญชีเฟซบุ๊กและอินสตราแกรมของมือปืนรายนี้แล้ว รวมทั้งกำลังลบคลิปวิดีโอที่มีผู้ทำสำเนาไว้ด้วย
เกิดอะไรขึ้นภายในมัสยิด ?
ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นภายในมัสยิด สิ่งที่ได้รับรู้ล้วนมาจากปากคำของผู้เห็นเหตุการณ์ ที่บอกกับสื่อท้องถิ่น
โดยที่มัสยิด อัล นูร์ ใจกลางเมืองไคร์สตเชิร์ช มีผู้เห็นคนนอนจมกองเลือดที่ด้านนอกมัสยิด อย่างไรก็ดี ตำรวจยังไม่ยืนยันรายงานดังกล่าว
ผู้รอดชีวิตคนหนึ่งบอกกับสถานีโทรทัศน์นิวซีแลนด์ ว่าเห็นมือปืนคนหนึ่งยิงชายคนหนึ่งเข้าที่กลางหน้าอก เขาประเมินว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นนานประมาณ 20 นาที และมีผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 60 คน
มีรายงานว่ามือปืนตั้งใจทำร้ายผู้ชายที่อยู่ในห้องละหมาดชายภายในมัสยิดก่อน แล้วจึงไปก่อเหตุในห้องละหมาด สำหรับผู้หญิง
“สิ่งที่ฉันทำได้คือแค่สวดมนต์และรอให้เหตุการณ์ยุติ โอ้ พระเจ้า ช่วยทำให้กระสุนหมดลงเสียที” ผู้เห็นเหตุการณ์เล่า
“เขาเข้ามาข้างใน มายิงด้านนี้ แล้วก็ไปอีกห้องหนึ่ง ไปในส่วนที่ผู้หญิงอยู่ แล้วก็ยิงคนในนั้น ฉันได้ยินว่าผู้หญิงคนหนึ่งเสียชีวิต”
ผู้เห็นเหตุการณ์อีกคนเล่าว่าเหตุการณ์ที่มัสยิด อัล นูร์ เกิดขึ้นในขณะที่ทุกคนเตรียมตัวจะเริ่มละหมาด
“จู่ ๆ ก็มีการยิงเกิดขึ้น เริ่มจากห้องของผู้ชายก่อน แต่ฉันอยู่ในห้อง ก็เลยไม่เห็นว่าใครเป็นคนยิง เห็นแค่ว่ามีคนวิ่งเข้ามาในห้องที่ฉันอยู่ บางคนตัวเปื้อนเลือดไปหมด บางคนก็วิ่งกระเผลก ๆ”
“ตอนนั้นฉันรู้แล้วว่าเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น ก็พยายามจะหนีและไปหลบอยู่หลังรถของตัวเอง การยิงกันยังเกิดอยู่นานประมาณหกนาทีหรือนานกว่านั้น ฉันได้ยินแต่เสียงกรีดร้องและร้องไห้”
ใครอยู่ในเหตุการณ์บ้าง ?
นอกจากการบอกเล่าของผู้เห็นเหตุการณ์แล้ว นักข่าวคนหนึ่งซึ่งติดตามทีมคริกเก็ตของบังกลาเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ที่นิวซีแลนด์ ทวีตข้อความว่า “ทีมหลบหนีออกจากสุเหร่าใกล้สวนสาธารณะแฮคลีย์ที่มีการยิงกันอยู่”
ขณะที่ทามิม อิคบัล นักคริกเก็ตคนหนึ่งทวีตข้อความว่า “ทุกคนในทีมปลอดภัย”
ขอบคุณข้อมูล BBCไทย