ซูเปอร์โพล สำรวจความเห็นประชาชน พบส่วนใหญ่ร้อยละ 75.4 เห็นด้วยกับข้อเสนอ ประธานสภาฯ ไม่เให้ ผบ.เหล่าทัพ ทำหน้าที่ ส.ว. ขณะที่ ร้อยละ 43.7 ชี้ สาเหตุที่ทำให้ เศรษฐกิจ ตกต่ำ เกิดจากคนในรัฐบาล มากกว่า ฝ่ายค้าน
5 ม.ค. 2563 นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล นำเสนอผลการศึกษา เรื่อง แก้รัฐธรรมนูญ กับ ผบ. เหล่าทัพ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ 1,162 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 2 – 4 ม.ค. 2563 ที่ผ่านมา เมื่อถามถึงข้อเสนอของ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในการแก้รัฐธรรมนูญ ผู้บัญชาการเหล่าทัพไม่ต้องเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) พบว่า ส่วนใหญ่ หรือ ร้อยละ 75.4 เห็นด้วย เพราะ ไม่เหมาะสมที่รับเงินซ้อนหลายทาง ตำแหน่ง ผบ. เหล่าทัพสำคัญสุดทำตรงนั้นให้ดีที่สุด ควรแยกออกให้ชัดเจน อำนาจฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นอิสระจากกัน และหน้าที่ สว. ไม่ใช่หน้าที่ของเหล่าทัพ ในขณะที่ ร้อยละ 24.6 ไม่เห็นด้วย เพราะไม่อยากให้บ้านเมืองวุ่นวาย และไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เร่งแก้เศรษฐกิจก่อนแก้รัฐธรรมนูญ เป็นต้น
ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึง กลุ่มคนที่พูดแล้วทำให้รู้สึกว่า เศรษฐกิจแย่ที่สุด พบว่า จำนวนมากหรือร้อยละ 43.7 ระบุเป็น นักการเมืองฝ่ายรัฐบาล รองลงมาคือ ร้อยละ 20.7 เป็นนักการเมืองฝ่ายค้าน ร้อยละ 12.8 เป็นนักวิชาการ ร้อยละ 2.6 เป็นหมอดู และร้อยละ 20.2 ระบุอื่น ๆ เช่น พูดกันเองปากต่อปาก นักธุรกิจ นักศึกษา คนทุกกลุ่ม เป็นต้น
ที่น่าเป็นห่วงคือ เมื่อถามถึง ความรู้สึก ถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ พบว่า กลุ่มคนรู้สึกเฉย ๆ ลดฮวบลงจากร้อยละ 77.4 ในเดือนตุลาคม 2562 มาอยู่ที่ร้อยละ 42.8 ในช่วงต้นเดือนมกราคมนี้ แต่กระจายไปอยู่ในกลุ่มคนรู้สึกไม่ดี มีผลเสีย ร้อยละ 30.7 และกลุ่มคนรู้สึกดี มีผลดี ร้อยละ 26.5 นอกจากนี้ ยังพบด้วยว่ากลุ่มคนที่มีความหวังจะก้าวต่อไปข้างหน้า ลดลงจากร้อยละ 68.5 ในเดือนตุลาคม 2562 มาอยู่ที่ร้อยละ 52.2 ในต้นเดือนมกราคม และกลุ่มคนรู้สึกกลัวที่จะเดินต่อไปข้างหน้า เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 31.5 มาอยู่ที่ร้อยละ 47.8
นายนพดล กล่าวว่า มีข้อมูลชี้ให้เห็นแต่เนิ่น ๆ ว่ารัฐบาลบริหารอารมณ์ของประชาชนยังไม่มีประสิทธิภาพเพราะถ้ามีประสิทธิภาพอารมณ์ของผู้คนคงไม่เป็นแบบทุกวันนี้โดยดูจากข้อมูลที่สำรวจพบจะเห็นว่าอารมณ์คนเปลี่ยนไปในทางที่แก้ยากมากขึ้นในหลายเรื่อง เช่น คนจะไม่รู้สึกเฉย ๆ อีกแล้ว ถ้ายุบพรรคอนาคตใหม่แต่จะรู้สึกไม่ดีมีผลเสียเพิ่มขึ้น คนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มขึ้นทำให้โจทย์และความท้าทายซับซ้อนอ่อนไหวมากขึ้น และต้นตอที่ทำให้คนมองว่าเศรษฐกิจแย่คือ คนที่ออกมาพูดของฝ่ายรัฐบาลเองที่พูดแล้วยิ่งทำให้คนรู้สึกแย่ ผลที่ตามมาคือ คนรู้สึกหวังที่จะก้าวต่อไปลดลง ซึ่งเป็นสัญญาณอันตราย ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องเร่งปฏิรูปตัวเองด้าน การบริหารอารมณ์ของสาธารณชน หรือทำอะไรก็รีบทำ ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกดี “เดี๋ยวสายไป”