มติ อนาคตใหม่ ขับ “4 งูเห่า” ถูกหลายฝ่าย ตั้งคำถาม พฤติกรรม”สวนกระแส”

348

ต้องวิ่งกันพล่านสำหรับ 4 ส.ส. “งูเห่า”พรรคอนาคตใหม่ หลังจากถูกพรรคต้นสังกัดเดิมลงมติขับออกจากพรรค เนืองจาก โหวตสวน มติพรรค โดยมีกำหนดครบกำหนด 30 วัน16 ม.ค.2563 ต้องหาสังกัดพรรคใหม่ให้ได้ตามที่กฎหมายกำหนด

จากการให้สัมภาษณ์ของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ สรุปความว่าเวลานี้กำลังตรวจสอบองค์ประชุมของพรรคในวันนั้น(วันที่มีการประชุมเพื่อลงมติขับ ส.ส.งูเห่า) ว่าครบหรือไม่ ในวันประชุมพรรคสมัยวิสามัญเมื่อวันที่ 16 ธันวาคมปีที่แล้ว โดยกล่าวในทำนองว่าเป็นหน้าที่ของ 4 ส.ส.จะต้องตรวจสอบรายละเอียดความคืบหน้าด้วยตัวเอง

สำหรับมติของพรรคอนาคตใหม่ในวันนั้นที่ปรากฏจากการแถลงข่าวของพรรคนั่นคือ ที่ประชุมมีมติให้ขับพ้นจากสมาชิกพรรคจำนวน 250 เสียง ไม่ให้ขับออกจากสมาชิกพรรค 5 เสียงและมีบัตรเสีย 6 ใบ จากองค์ประชุมจำนวน 266 คน และทบทวนกันอีกทีว่า 4 ส.ส.ที่ถูกลงมติขับออกจากสมาชิกพรรคประกอบด้วย นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี นางสาวกวินนาท ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี นางศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่

ขณะเดียวกันสังคมก็รับรู้กันไปทั่วแล้วว่า 4 ส.ส.ที่ว่านี้ได้ถูกขับออกจากพรรคแล้ว เนื่องจากมีการแถลงข่าว มีการให้สัมภาษณ์ของทั้งหัวหน้าพรรคคือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ เลขาธิการพรรค คือ นายปิยบุตร แสงกนกกุล รวมไปถึง น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคที่ต่างเน้นย้ำให้เห็นถึงหลักการของพรรค อุดมการณ์ของพรรคอันยิ่งใหญ่ ที่ส.ส.และสมาชิกพรรคทุกคนต้องทำตาม ฝ่าฝืนไม่ได้ แม้ว่าในลงมติสวนทางของ ส.ส.เหล่านั้นในบางเรื่องที่สังคมก็ต้องการคำอธิบาย เช่น พระราชบัญญัติโอนอัตรากำลังพลฯซึ่งเกี่ยวข้องกับสถาบันฯ ที่แม้แต่ฝ่ายค้านด้วยกันเองยังโหวตสนับสนุน เช่น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส รวมไปถึงส.ส.ฝ่ายค้านจากพรรคเพื่อไทยหลายคนก็โหวตสนับสนุนมีแต่พรรคอนาคตใหม่ที่นำโดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล ที่อภิปรายคัดค้านหัวชนฝา และต่อมาก็เป็นหนึ่งในเหตุผลสำหรับการลงมติขับ 4 ส.ส.ดังกล่าวออกจากพรรค

อย่างไรก็ดีในทางกฎหมายแล้ว ส.ส.ทั้ง 4 คนที่ว่านี้เมื่อถูกลงมติขับออกจากพรรค ซึ่งเชื่อว่าสังคมก็รับรู้กันไปทั่วแล้วว่าพวกเขาถูกขับพ้นไปจากพรรคอนาคตใหม่ไปแล้ว และยังมี ส.ส.บางคนที่ถูกเลื่อนไหวต่อต้านในพื้นที่ แม้ว่าจะถูกมองว่าเป็นเรื่องการเมืองบางอย่างก็ตาม แต่โดยรวมๆก็คือคนก็รับรู้แล้วว่าคนพวกนี้ถูกขับออกจากพรรคไปแล้ว และพรรคอนาคตใหม่ก็แถลงตอกย้ำให้เห็นถึงอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ของพรรคไปแล้วว่าต้องทำตามมติพรรค

ขณะเดียวกันสังคมก็รับรู้กันไปอีกว่า ส.ส.ทั้ง 4 คนก็แยกย้ายกันไปสังกัดพรรคการเมืองหลายพรรค ทั้งพรรคพลังท้องถิ่นไท พรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังประชารัฐ เป็นต้น และตามกฎหมายพวกเขาต้องหาพรรคใหม่สังกัดภายใน 30 วันซึ่งครบกำหนดเมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งล่าสุดก็ยังไม่รู้ว่าออกหัวหรือก้อย เพราะจู่ๆกลายเป็นว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคออกมาบอกว่าสาเหตุที่ยังไม่ได้แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้กับ ส.ส.ที่ถูกลงมติขับออกจากสมาชิกว่าเป็นเพราะต้องตรวจสอบองค์ประชุมในวันนั้นก่อนว่าครบองค์ประชุมหรือไม่ อีกทั้งต้องเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของพวกเขาว่าต้องติดตามเรื่องเอาเอง และบอกว่าหากไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดโดยที่ยังไม่ได้ขาดจากพรรคเดิมก็เหมือนกับเป็นสมาชิกพรรคซ้อนกันสองพรรคทำให้พ้นสมาชิกภาพ ส.ส.ไปด้วย

แน่นอนว่านี่คือแง่มุมทางกฎหมายแต่หากมองแบบชาวบ้านก็เข้าใจได้ไม่ยากว่านี่คือรายการ “ตุกติกเอาคืน” ซึ่งหากพิจารณากันแบบคนทั่วไปเข้าไปก็รับรู้ว่า “”มันไม่แฟร์” เป็นภาพการเมืองที่ไม่ตรงไปตรงมา ที่สำคัญมัน “ไม่ใช่อนาคตใหม่” หรือการเมืองในรูปแบบใหม่ แม้ว่าจะมีอารมณ์เคียดแค้น หรือโกรธ ส.ส.พวกนี้มากแค่ไหนก็ตาม แต่เมื่อลงมติขับไล่กันใหญ่โต สังคมก็เข้าไปแล้วว่า “ต่างคนต่างไป” ทางใครทางมัน หากมีการเลือกตั้งคราวหน้าค่อยให้ชาวบ้านมาตัดสินกันไม่ใช่หรือ

ขณะเดียวกันเชื่อว่างานนี้พรรคอนาคตใหม่ และกรรมการบริหารพรรคอาจจะต้องถูกฟ้องร้องจาก 4 ส.ส.เพิ่มอีกคดี ฐานกลั่นแกล้งให้พ้นสมาชิกสภาพ ส.ส.ก็เป็นได้ และอีกด้านหนึ่งหากเกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆเชื่อว่าสังคมก็จะมองพรรคอนาคตใหม่ และแกนนำพรรคในทางลบทันทีว่ามีพฤติกรรมทางการเมืองแบบ “น้ำเน่า” ไม่ได้เป็นความหวังแบบอนาคตใหม่แต่อย่างใด และที่สำคัญเชื่อว่าได้ไม่คุ้มเสีย

อย่างไรก็ดีสำหรับ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ในฐานะเป็นนักกฎหมายอาจมีแง่มุมเด็ดเพื่อหาดัดหลัง 4 ส.ส.งูเห่าพวกนั้นก็ได้ แต่หากพิจารณาจากผลงานและภูมิหลังแล้วส่วนใหญ่ หรือ แทบทั้งหมดล้วนแล้วแต่ผิดพลาดพ่ายแพ้เกือบทุกเรื่อง

คราวนี้ก็ต้องรอพิสูจน์กันอีกว่าผลจะออกมาแบบไหน