“นราธร-ปิยบุตร” ยังหวัง รอดคดี “ยุบพรรค” ลั่น ไม่เคยคิด”ล้มเจ้า”ฉะผู้มีอำนาจ เล่นเกมส์

63

“อนาคตใหม่” จัดเวที ดีเดย์  ก่อนศาลรธน.ตัดสิน คดียุบพรรค “นราธร-ปิยบุตร” เปิดใจ “สุทธิชัย หยุ่น” เผยยังมีหวัง จะรอด แต่ถ้าฝืนชะตาไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนบทบาท ชี้ ปมข้อกล่าวหา “ล้มเจ้า” เป็นการจงใจใส่ร้ายของ ฝ่ายผู้มีอำนาจ

18 ม.ค.63​ – เมื่อเวลา​16.00น. ที่ อาคาร SC 3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พรรคอนาคตใหม่ จัดงาน “Future is now – อย่ากลัวอนาคต” ซึ่งในช่วง “ถามแรงตอบตรง” กับหลายคำถามที่ยังคาใจก่อนถึงวันตัดสินคดีล้มล้างการปกครอง ที่จะมีขึ้นในวันที่ 21 ม.ค.2563 โดย มีนายสุทธิชัย หยุ่น เป็นพิธีกร สัมภาษณ์นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่

พิธีกรถามว่า การที่จัดงานนี้เกิดขึ้นก่อน 3 วัน ที่ศาลจะพิจารณา เป็นการกดดัน หรือขอความเห็นใจหรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า เราพูดอย่างไรก็เปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยไม่ได้ เพราะศาลมีคำตัดสินอยู่แล้ว

นายธนาธร กล่าวว่า ไม่ว่าจะยุบพรรคอนค.หรือไม่ ความแน่วแน่ในการทำงานการเมืองยังคงเดิม ปัญหาคือการเมืองไม่จำเป็นต้องมีพรรคการเมืองเดียว เราพยายามเต็มที่แล้ว แม้จะยุบพรรคไปก็ยังทำงานการเมืองในรูปแบบอื่น แต่ก็หวังว่าจะไม่ยุบ จัดงานวันนี้เพื่อสื่อสารกับสังคม

เมื่อถามว่า ตอนนี้หลายคนสงสัยว่าพรรคใหม่ชื่ออะไร นายปิยบุตร กล่าวว่า ในสถานการณ์นี้การเตรียมพรรคเป็นเรื่องปกติ อย่าอยากรู้ชื่อเยอะ ขอปิดไว้ก่อน ไม่ใช่แผนบี เป็นแผนหากเกิดอุบัติเหตุ ให้เปลี่ยนรูปจากพรรคหนึ่งไปเป็นอีกพรรคหนึ่ง เปลี่ยนบทบาทของตนและนายธนาธร แต่เป้าหมายและปลายทางยังเหมือนเดิม

ถามว่า หากยุบแล้วจะพาคนลงถนนหรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า เสรีภาพในการแสดงออกเป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย การชุมนุมขึ้นอยู่กับสถาการณ์การเมือง ถ้ารัฐบาลและรัฐสภาไม่สามารถตอบสนองข้อเรียกร้องของประชาชนได้ การเรียกร้องบนถนนเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้ารัฐบาลทำงานแก้ปัญหาได้ดี การเมืองบนถนนก็ไม่เกิดขึ้น แทนที่จะตั้งคำถามว่าจะชุมนุมกันอีกแล้วหรือ ควรถามกลับไปยังผู้มีอำนาจว่าปกครองอย่างไร ใช้อำนาจกดทับอย่างไร คนจึงออกมาชุมนุม คนมีอำนาจคิดว่าเอาอยู่ แทนที่จะเลือกประคับประคองประเทศ กลับเลือกที่จะสืบทอดอำนาจ

ด้านนายธนาธร กล่าวว่า ตนเคยร่วมชุมนุมหลายครั้งหลายหน เสื้อเหลืองเสื้อแดงตนเข้าร่วมทั้งหมด คนที่มาชุมนุมเขาไม่ได้อยากออกมา การชุมนุมที่จะพาสังคมไปสู่ทางตันหรือเกิดความรุนแรงจะไม่เกิดขึ้นจากการนำของตนแน่นอน เรื่องนี้จำเป็นต้องพูดให้ประชาชนเข้าใจชัดๆ กรณีแฟลชม็อบเรากังวล และบอกล่วงหน้าว่า จัด 1 ชม. แล้วกลับบ้าน ไม่ชุมนุมยืดเยื้อ ไม่ก่อให้เกิดความวุ่นวาย ถ้าประชาชนชุมนุมเรียกร้องรธน.ฉบับใหม่ ทหารยังจะยิงประชาชนอยู่อีกหรือไม่ ยืนยันว่าการชุมนุมเพื่อนำไปสู่การแตกหัก ม้วนเดียวจบ ไม่เคยอยู่ในกระบวนทัศน์ของเรา

ต่อข้อถามว่า อนค.ถูกมองว่ามีนโยบายกร้าวชน ไม่ยอมให้ทหารมีบทบาท เป็นตัวสร้างความขัดแย้งแตกร้าว นายปิยบุตร กล่าวว่า เราต้องการสร้างประชาธิปไตย ยุติการปฏิวัติยึดอำนาจแทรกแซงการเมือง วิธีการที่เราเลือกใช้คือการตั้งพรรคการเมือง สู้ในกติกาที่เขาเขียนเป็นวิธีการที่ประนีประนอมที่สุดแล้ว วิธีการของเราไม่มุทะลุดุดัน หวังใช้ช่วงเวลายาวนานจะช่วยในการทำความเข้าใจ การยกเลิกการเกณฑ์ทหารไม่ใช่การทำลายกองทัพ แต่เป็นการพัฒนากองทัพ เราพร้อมถกเถียงแต่อีกฝ่ายไม่ยอมขึ้นเวที

ด้านนายธนาธร กล่าวว่า การเสนอร่างพรบ.ยกเลิกการเกณฑ์ทหารแบบบังคับ ส่งร่างเข้าไปต้องใช้ 250 เสียง เรามีไม่พอแน่ๆ จึงเดินรณรงค์ไปทั่วประเทศ ถ้าผู้นำกองทัพมองว่าข้อเรียกร้องดังกล่าวเป็นการทำลายกองทัพ ก็ให้ผู้นำกองทัพลาออกแล้วมาตั้งพรรคการเมือง

เมื่อถามว่า ตอนนี้ถูกมองว่า อนค. กำลังล้างสมองคนรุ่นใหม่ นายธนาธร กล่าวว่า ตนให้ความสำคัญกับคนทุกรุ่น งานการเมืองทิ้งใครไว้ไม่ได้ คำว่าล้างสมองเป็นวาทกรรมที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้สังคมเกลียดและกลัวเรา

ด้านนายปิยบุตร กล่าวว่า เยาวชนก้าวหน้ามากขึ้น เครื่องมือการสื่อสารทำให้เข้าถึงความรู้ ดังนั้นผู้มีอำนาจต้องปรับตัวให้ทันคนรุ่นใหม่ เปิดใจให้กว้าง ไม่ใช่เราวิ่งตามเขาไม่ทันแล้วสั่งให้เขาหยุดวิ่ง

ต่อข้อถาม เรื่องชังชาติ นายปิยบุตร กล่าวว่า วิธีการสร้างชาตินั้นประชาชนทุกคนต้องรวมตัวกัน เวลาเราวิพากษ์วิจารณ์เรื่องฝุ่น น้ำประปา ไม่ชังชาติแต่รักชาติ เรารักมันถึงได้วิจารณ์มัน ตรงกันข้ามการยอมรับว่าถูกต้องดีเสมอจะทำให้ชาติไม่พัฒนา หยุดอยู่ที่เดิม

ต่อข้อถามถึง กรณีที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นคนล้มเจ้า นายธนาธร กล่าวว่า สิ่งที่พวกเราทำไม่ชังชาติ แต่เป็นผลดี หวังดี เรายืนยันความเชื่อ ส่วนข้อหาล้มเจ้า ที่เข้ามาหาผม หาปิยบุตร และ พรรคอนค. นั้นเกิดจากความต้องการสร้างความแตกแยกความเกลียดชังในสังคม อนค.ไม่เคยมีโอกาสเป็นรัฐบาล ดังนั้นข้อกล่าวหาเพื่อทำลายการเมืองฝ่ายตรงข้ามก็เหลือข้อหาเดียว คือล้มเจ้า คนที่ต้องการแบ่งฝ่ายในสังคมไม่ใช่พวกเรา เผด็จการจะสืบทอดอำนาจ ต้องมีความจำเป็นแต่ละข้ออ้าง บางอย่างเพื่อให้มิอาจอยู่ได้โดยไม่ผ่านประชาธิปไตย ดังนั้นข้ออ้างเดียวคือ กุเรื่องสร้างปีศาจ ขึ้นมาว่าชังชาติ ล้มเจ้า ถ้ารัฐประหารนำไปสู่ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ประเทศไทยคงมีเศรษฐกิจดีเป็นลำดับต้นๆของโลก เพราะเรารัฐประหารบ่อยมาก

เมื่อถามว่า อนค.ตั้งขึ้นเพื่อสกัดรัฐประหาร นายปิยบุตร กล่าวว่า ความคิดของคณะราษฎรต้องตัดวงจรรัฐประหารตั้งแต่ปี 2490 ให้ได้ ในปี 2554 พรรคเพื่อไทยถูกกล่าวหาในทำนองเดียวกับพรรคอนาคตใหม่ แต่เขาชนะการเลือกตั้ง มีคะแนนมาเป็นที่ 1 ในช่วงตั้งพรรคใหม่ๆนายธนาธรไม่ได้ถูกทำให้เกลียดชังมากเท่านี้ ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลยก็กลายเป็นวายร้ายตัวใหม่ ไม่ว่าจะเป็นซ้าย ขวา หรือกลาง ทุกความคิดต้องอยู่ได้ในสังคมประชาธิปไตย เราสู้ในระบบที่เขาออกแบบมาให้ พยายามทำให้พวกเขายอมรับความจริงว่ารูปการณ์สังคมเป็นอย่างไร

ด้านนายธนาธร กล่าวว่า ประเทศไทยมีศักยภาพเพียงพอที่จะแก้ปัญหาคอรัปชั่นอย่างสันติ ไม่จำเป็นต้องรัฐประหาร กุญแจที่ไขล็อกคลี่คลายความขัดแย้งไม่ได้อยู่ที่เรา แต่อยู่กับผู้ถือครองอำนาจในปัจจุบัน รธน. เราไม่มีอาวุธ ไม่มีกองทัพ ไม่มีเรือดำน้ำ มีแต่การรณรงค์กับประชาชน นี่คือกระบวนการเปลี่ยนผ่าน ประเทศจำเป็นต้องมีกลุ่มทุนใหญ่ แต่ทุนใหญ่ต้องหาออกไปหามูลค่าเพิ่มจากตลาดโลก แล้วแบ่งสันปันส่วนให้ทุนขนาดกลางและเล็ก แต่ทุนใหญ่ของไทยทำในทิศทางตรงกันข้าม โดยใช้กลไกเข้ามาริดรอนผูกขาด เราไม่ได้บอกให้ยกเลิกกลุ่มทุนใหญ่ แต่ไม่สนับสนุนให้กีดกันการค้าของประเทศต่อหน้าศาลยังไม่พูดวามจริงจะมาบริหารเป็นผู้นำประเทศได้อย่างไร

ถ้าอ่านคำตัดสินของศาลรธน.ไม่มีเรื่องใดยืนยันความผิดของตน ไม่พูดถึงเรื่องการพิสูจน์เจตนา ตนพูดว่าจำไม่ได้ คือจำไม่ได้จริงๆ การมีคดีหลายคดีเป็นยุทธวิธีที่ทำให้เราเสียเวลา เสียทรัพยากรในพรรคมากมาย เราพร้อมพูดคุยกับผู้มีอำนาจอย่างตรงไปตรงมาเพื่อหาทางออกร่วมกัน ยืนยันว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็จะทำแบบเดิม เราสร้างพรรคใหม่ทำผิดพลาดมากมายและยังมีความฝันทะเยอทะยานมาก แต่ประสบการณ์และข้อผิดพลาดใน 2 ปี จะนำมาปรับปรุงเพื่อไม่ให้เกิดข้อขัดแย้งทั้งในพรรคและนอกพรรค

ด้านนายปิยบุตร กล่าวว่า กับคนบางคนที่สามีเป็นเจ้าของสื่อ และเป็นสื่อที่โจมตีพวกเราทุกวัน เป็นส.ส.ได้ ตกลงแล้วเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญคืออะไร เป็นเรื่องเทคนิคในศาลมากกว่า เราจึงยืนยันว่าเราไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาล

เมื่อถามว่า ถูกวิจารกณ์ว่าอนค.แกล้งงูเห่าที่ถูกขับออกจากอนค. นายปิยบุตร กล่าวว่า กรณีมติขับ 4 ส.ส.พ้นจากพรรค ปัญหาอยู่ที่เราไม่รู้รายละเอียดในทางทะเบียน กกต.จะไปตีความอย่างไรก็ให้ไปว่ากันเอง แต่ทั้ง 4 คน คงสบายใจได้ เพราะนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาชี้ทางให้แล้ว ขอพูดแต่เพียงว่า เขาอยู่กับเรามา ถึงเวลาจะจากกัน เราต้องแต่งองค์ทรงเครื่องแล้วไปส่งเขาถึงบ้านใหม่เลยหรือไม่ เมื่อออกไปจากพรรคแล้วก็จากกันด้วยดี ตนไม่เคยประณามว่าใครไปได้ผลประโยชน์ ยืนไม่ได้กลั่นแกล้ง ส่วนข้อกล่าวหาว่าตนและนายธนาธรเป็นเผด็จการ ถ้าเป็นเรื่องจริงความเห็นต่างในพรรคจะไม่มีหลุดออกมาได้เลย และคงไม่มีสมาชิกพรรคโพสต์ด่ากันเป็นจำนวนมากแล้วยังทำงานร่วมกันต่อไปได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวทีจบรายการ ทางนายธนาธร นายปิยบุตร ได้เปิดโอกาสให้แฟนคลับได้ถ่ายภาพร่วมไว้เป็นที่ระลึก โดยที่แฟนคลับต่างตะโกนเสียงดังว่า ธนาธรสู้ๆ พร้อมกับร้องเพลง ขออย่ายอมแพ้ เพื่อเป็นการให้กำลังใจทั้งสองคนด้วย