อึ้ง! โครงการยักษ์ถูกทิ้งร้างในป่า ‘นาทวี’ พื้นที่เกือบพันไร่ มูลค่าเกือบ 300 ล้าน

3922

ส.ส.ภูมิใจไทย สอบโครงการยักษ์กรมพินิจฯ ถูกทิ้งร้างในป่า ‘นาทวี’ พื้นที่เกือบพันไร่ มูลค่าเกือบ 300 ล้าน หน่วยงานรับผิดชอบแจง ผู้รับเหมาทิ้งงาน มีสิ่งของสูญหายเพียบ 

นายณัฏชนนท์ ศรีก่อเกื้อ ส.ส. สงขลา พรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า ได้เข้าตรวจสอบโครงการ ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม เนื้อที่สาธารณะประโยชน์ 99 ไร่ พื้นที่ ต.คลองทราย ต.นาหมอศรี อ.นาทวี จ.สงขลา มูลค่า 275 ล้านบาท ซึ่งประชาชนในมีพื้นที่ได้ร้องเรียนเข้ามาว่า ได้ถูกปล่อยทิ้งร้างมานาน

โครงการนี้ มีหน่วยงานของ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม ได้ขอใช้พื้นที่ จัดสร้างโครงการ ศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชน เขต 9 จังหวัดสงขลา ได้ถูกทิ้งร้าง มานานจนชาวบ้านเริ่มสงสัย ไม่สามารถหาคำตอบจากหน่วยงานไหนได้ มาร้องเรียนและสอบถาม จาก ส.ส. ในพื้นที่ ผมเองในฐานะ คนนาทวี ลูกสงขลา จึงได้เดินทางไปตรวจสอบลงพื้นที่ เห็นสภาพ โครงการถูกทิ้งร้าง จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจง สาเหตุ ปัญหา อุปสรรค เพราะเป็นเงินภาษีของประเทศจำนวนมาก ที่มาทิ้งไว้ในป่า แบบไร้อนาคต’ นายณัฎชนนท์ กล่าว

ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย กล่าวด้วยว่า โครงการนี้ ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตเลือกตั้งรับผิดชอบ ในฐานะ ส.ส. ตระหนักดีเรื่องของงบประมาณ แต่ละบาทกว่าจะได้มาพัฒนาพื้นที่เป็นเรื่องยาก ดังนั้น นอกจากทำหน้าที่ ผู้แทนในสภา หน้าที่สำคัญคือปกป้องงบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่คิดจะทำร้ายใคร ผู้รับเหมา ข้าราชการ หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพียงแต่จะขอความเป็นธรรมให้กับ แผ่นดินไทย ให้โครงการเดินหน้าไปได้

‘ได้เรียนเรื่องนี้ไปยัง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมต.ยุติธรรม ท่านให้หาข้อมูลไปให้’ นายณัฎชนนท์ กล่าวและว่า อยากจะให้พื้นที่ 99 ไร่ มูลค่าก่อสร้าง 275 ล้านบาท เป็นศูนย์ฝึกอาชีพ เด็กและเยาวชน ของสถานพินิจ หรือ . 2.สถานที่หาเห็ดเสม็ดที่ใหญ่ที่สุด วันนี้ตนและประชาชน ชาวนาทวี อยากรู้ว่า โครงการนี้จะเดินหน้าต่อ หรือ ทิ้งร้าง ไม่มีกำหนดเหตุการณ์นี้มีหลายคนต้องเจ็บ แต่ผมมั่นใจว่าคนไทยเจ็บปวดไม่ต่างกัน ตนจะติดตามโครงการดังกล่าวร่วมกับพี่น้องประชาชน เพื่อให้สามารถดำเนินการใช้ประโยชน์สูงสุด

อย่างไรก็ตาม ทางกรมพินิจคุ้มครองเด็กและเยาวชน ได้ชี้แจงว่า ตามที่ ส.ส . ระบุว่า ‘โครงการยักษ์ถูกทิ้งร้าง’ ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต ๙ ขอชี้แจงดังนี้ กรมพินิจฯ ได้รับจัดสรรงบประมาณเพื่อก่อสร้างศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต ๙ โดยกิจการร่วมค้าห้างหุ้นส่วนจำกัด สนธิเศรษฐ กับบริษัท ชาติธนา จำกัด เป็นผู้รับจ้างก่อสร้าง

ตามข้อตกลงจ้างเลขที่ ๑๔๕/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๖ เป็นจำนวนเงิน ๒๙๙,๗๙๐,๐๐๐ บาท (สองร้อยเก้าสิบเก้าล้านเจ็ดแสนเก้าหมื่นบาทถ้วน) ระยะเวลาก่อสร้างจำนวน ๗๘๐ วัน กรมพินิจฯ ได้ขยายระยะเวลาก่อสร้างทั้งสิ้น ๒ ครั้ง รวม ๔๘๐ วัน สิ้นสุดสัญญาจ้างวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๐ และกรมพินิจฯ ได้บอกเลิกสัญญาจ้างเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๐ เนื่องจากผู้รับจ้างไม่สามารถปฏิบัติงานให้แล้วเสร็จตามข้อตกลงจ้างได้ ภายหลังข้อตกลงจ้างสิ้นสุด กรมพินิจฯ ได้ดำเนินการ ดังนี้

1.1 กรมพินิจ ฯ แจ้งค่าปรับ (วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐)
1.2 ผู้รับจ้างแจ้งยินยอมชดใช้ค่าปรับโดยไม่มีเงื่อนไข (วันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๐)
1.3 กรมพินิจ ฯ ได้บอกเลิกข้อตกลงจ้าง และสงวนสิทธิ์เรียกค่าเสียหาย (วันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๐)
และกรมพินิจฯ ได้ริบหลักประกันสัญญาจำนวน ๑๔,๙๘๙,๕๐๐ บาท (สิบสี่ล้านเก้าแสนแปดหมื่นเก้าพันห้าร้อยบาทถ้วน) เรียบร้อยแล้ว โดยผู้รับจ้างได้ดำเนินการก่อสร้างไปแล้วคิดเป็นร้อยละ ๕๒.๓๑ คิดเป็นจำนวนเงิน ๑๕๖,๘๒๐,๒๐๐.๗๖ บาท (หนึ่งร้อยห้าสิบหกล้านแปดแสนสองหมื่นสองร้อยบาทเจ็ดสิบหกสตางค์) และยังคงเหลืองานอีกร้อยละ ๔๗.๖๙ เป็นเงินจำนวน ๑๔๒,๙๖๙,๗๙๙.๒๔ บาท (หนึ่งร้อยสี่สิบสองล้านเก้าแสนหกหมื่นเก้าพันเจ็ดร้อยเก้าสิบเก้าบาทยี่สิบสี่สตางค์) และต่อมาศูนย์ฝึกฯ เขต ๙ ได้แจ้งว่า
มีทรัพย์สินในโครงการก่อสร้างสูญหาย ได้แก่ สายไฟฟ้า เบรกเกอร์ไฟฟ้า หม้อแปลงไฟฟ้า โครงฝ้าอลูมิเนียม
และได้แจ้งความไว้แล้ว กรมพินิจฯไม่สามารถดำเนินการจัดจ้างในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และ ๒๕๖๒ ได้เนื่องจากภายหลังกรมพินิจฯ บอกเลิกสัญญาจ้างเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๐ แล้วกรมพินิจฯ ได้ดำเนินการสำรวจออกแบบประเมินราคาแล้วเสร็จเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๒ เพื่อดำเนินการจัดจ้างครั้งใหม่และกรมพินิจฯได้แจ้งต่อกรมบัญชีกลางให้กิจการร่วมค้าห้างหุ้นส่วนจำกัด สนธิเศรษฐ กับบริษัท ชาติธนา จำกัด เป็นผู้ทิ้งงาน โดยในระหว่างการพิจารณาเป็นผู้ทิ้งงานของกรมบัญชีกลาง กรมพินิจฯได้ดำเนินการจัดจ้างก่อสร้างครั้งใหม่

ผลการดำเนินงาน
1. กรมพินิจฯ ได้แจ้งความและลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจภูธรนาทวีเรียบร้อยแล้ว
2. กรมพินิจฯ ได้ดำเนินการแจ้งไปยังกระทรวงการคลังให้ กิจการร่วมค้าห้างหุ้นส่วนจำกัด สนธิเศรษฐ กับบริษัท ชาติธนา จำกัด เป็นผู้ทิ้งงาน อยู่ระหว่างกระทรวงการคลังพิจารณา
3. รัฐมนตรีอนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปี เรียบร้อยแล้ว
4. กรมพินิจฯ ดำเนินการแจ้งเรียกค่าปรับตามกฎหมายเป็นเงินจำนวน ๖๐,๒๕๗,๗๙๐ บาท (หกสิบล้านสองแสนห้าหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยเก้าสิบบาทถ้วน)
5. กรมพินิจฯ ได้ดำเนินการจัดจ้าง และได้ผู้ชนะการเสนอราคาแล้ว ได้แก่ หจก.สรกรรณ กรุ๊ป
เสนอราคา ๑๓๖,๖๕๕,๐๐๐ บาท (หนึ่งร้อยสามสิบหกล้านหกแสนห้าหมื่นห้าพันบาทถ้วน)
6. กรมพินิจฯ ได้เสนอขอความเห็นชอบความเหมาะสมของราคาไปยังสำนักงบประมาณแล้วเมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๓ และอยู่ระหว่างสำนักงบประมาณพิจารณา
7. คาดว่าสามารถลงนามในสัญญาจ้างได้ภายในวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๓