กฏหมายทุกมาตรา ที่อวดอ้าง ฤา จะหาญสู้อุดมการณ์อันแข็งกล้า !!

แม้จะมีความพยามบิดเบือนอย่างไร ทั้งปฏิบัติการไอโอ ทั้งการใช้อำนาจนาฐรัฐข่มขู่ ใส่ร้ายป้ายสี หวังแค่เพียงให้ ภาพของตนเองและพวกดูดีขึ้น แต่อย่าลืม ทองแท้ เนื้อย่อมเหลืองอร่าม สดใสกว่าของปลอม เสมอ

ยุคปัจจุบัน เป็นยุคที่ต่อสู้หักล้างกันด้วยความจริง ต่อสู้กันด้วยหลักคิด ต่อสู้กันด้วยหลักฐาน

ไม่ใช่ยุคที่การตกแต่งภาพจะสามารถทำได้ง่ายเหมือนกรณีหนังสือพิมพ์ดาวสยามกับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519

เพราะการบิดเบือน เพราะการปฏิบัติการณ์ไอโอเช่นที่เคยได้ผลในอดีตนั้น วันนี้ไม่สามารถจะใช้ได้กับคนส่วนใหญ่ของประเทศ สังคมส่วนใหญ่ของโลก

ต่อให้ตัดต่อได้เนียนเพียงใด บิดเบือนข้อมูลอย่างไรก็ตาม ก็จะถูกคนรุ่นปัจจุบันสามารถตรวจสอบความจริงออกได้ไม่ยาก

ที่พอจะได้ผล ก็สำหรับบรรดาคนที่เลือกจะเชื่อ เลือกเสพจนเชื่อมาตั้งแต่แรกแล้วเท่านั้น

บนการเลือกเสพสื่อแบบที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เลือกเสพตลอดทั้งวันทั้งคืน ทำให้คนที่ศรัทธาเชื่อในข้อมูลที่ตนเองเลือกเสพ ไม่สามารถที่จะพูดคุยเจรจากับผู้ที่เห็นต่างในยุคปัจจุบันได้

จึงไม่น่าแปลกใจที่วันนี้การเผชิญหน้ากันของคน 2 กลุ่มจึงยังคงมีอยู่ และกลายเป็นโอกาสในการยื้อเวลาไปได้เรื่อยๆของ พล.อ.ประยุทธ์ และพวก

ในอดีตประชาชนจะรวมกันต่อสู้กับเผด็จการสืบทอดอำนาจ แต่ภาพที่ปรากฏในวันนี้ ประชาชนกลับแบ่งขั้วความคิดต่าง เผชิญหน้ากันเอง พลังของประชาชนในสังคมจึงกลายเป็นจุดอ่อนให้เผด็จการสามารถเกาะกุมประโยชน์บนความขัดแย้งนี้ได้

ขณะเดียวกัน การรับมือของอำนาจรัฐ คือการถือกฎหมายอยู่ในมือ และใช้เป็นอาวุธสำคัญในการจัดการกับผู้เห็นต่าง

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ให้ข้อมูลว่า ภายในเวลา 1 เดือน มีผู้ที่ถูกดำเนินคดี หลังจากออกมาแสดงพลังขับไล่รัฐบาลเพิ่มมากขึ้นถึง 3 เท่า โดยมีผู้ถูกดำเนินคดีแล้วกว่า 175 คน จาก 75 คดี ในช่วงวันที่ 18 ก.ค. จนถึง 13 พ.ย. 63

จากเดิมที่สถิติช่วง 18 ก.ค. ถึง 10 ต.ค. 63 มีการกล่าวหาดำเนินคดีกับประชาชน 65 คน ใน 23 คดี

เท่ากับในช่วงเวลาเพียงหนึ่งเดือน ต.ค.-พ.ย. มีการดำเนินคดีเพิ่มขึ้นถึง 52 คดี และมีจำนวนผู้ถูกดำเนินคดีที่เพิ่มขึ้นกว่า 2.7 เท่า

ใช่เป็นเกมการรับมือด้วยการใช้คดีเล่นงานกับผู้เห็นต่างทางการเมือง โดยเฉพาะบรรดาแกนนำการชุมนุม หรือไม่นั้น เป็นสิ่งที่ชัดเจนอยู่แล้ว

ยิ่งการเห็นต่างไม่ได้รับการรับฟัง การเรียกร้องให้ยุติการยื้อเวลาแก้รัฐธรรมนูญไม่เป็นผล การชุมนุมก็ย่อมจะดำรงอยู่ต่อไป ซึ่งหมายความว่า การใช้คดีเข้ามาเล่นงานผู้ชุมนุม จะมากเพิ่มขึ้นไปอีก

ปัญหาที่บรรดาผู้กุมอำนาจ ซึ่งถือกฎหมายไว้ประหนึ่งอาวุธในมือนั้น

เชื่อว่าการใช้คดีเล่นงาน และใส่ร้ายป้ายสี หรือ ที่ประกาศจะงัดกฏหมายทุกมาตราออกมาใช้

จะหยุดอุดมการณ์การต่อสู้ได้จริงหรือ?