ศาลสั่ง ประหาร!! บรรยิน”คดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา แต่ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษตาย เหลือคุกตลอดชีวิต

80

ศาลสั่งประหาร “บรรยิน” อดีต รมช.พาณิชย์ และ สส.เมืองปากน้ำโพ  กับลูกน้องร่วมแก๊ง คดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา แต่เห็นว่าให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนลูกน้องอีกคนโดนคุก 33 ปีเศษ

วันที่15 ธ.ค.63 เวลา 10.00 น. ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลอ่านคำพิพากษาคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา อดีตเจ้าของสำนวนโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์ หมายเลขดำ อท.69/2563 ที่ พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีต รมช.พาณิชย์ และ สส.นครสวรรค์ หลายสมัย , นายมานัส ทับทิม อายุ 67 ปี, นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ 48 ปี, นายชาติชาย เมณฑ์กูล อายุ 31 ปี, นายประชาวิทย์ หรือ ตูน ศรีทองสุข อายุ 33 ปี และ ด.ต.ธงชัย หรือ สจ.อ๊อด วจีสัจจะ อายุ 63 ปี ทั้งหมดภูมิลำเนา จ.นครสวรรค์ เป็นจำเลยที่ 1-6

ในความผิด 9 ข้อหา ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 289, ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้ใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปถึงแก่ความตาย มาตรา 309, 313, ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มาตรา 310, ฐานร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป มาตรา 139, 140

ฐานเป็นซ่องโจร โดยสมคบกันเพื่อกระทำผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิต มาตรา 210, ฐานร่วมกันพยายามข่มขืนใจผู้อื่น ให้กระทำการใดโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป มาตรา 213, ฐานร่วมกันซ่อนเร้น ทำลายศพเพื่อปิดบังการตายและสาเหตุการตาย มาตรา 199, ฐานร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นเพื่ออำพรางคดี ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อ.) มาตรา 150 ทวิ, ฐานร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน มาตรา 145 ประกอบ ป.อ.มาตรา 33, 80, 83, 91, 92 และยังยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 ข้อหาที่ 10 ฐานสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงาน เพื่อให้คนอื่นเข้าใจว่าตนมีสิทธิและแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิเพื่อกระทำผิดอาญา มาตรา 146

อัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 ได้ยื่นฟ้องจำเลยทั้งหกเมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2563 จำเลยที่ 2-6 ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่วน พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 ถูกแยกคุมขังเรือนจำกลางบางขวาง ภายหลังจากมีข่าววางแผนเพื่อหลบหนีออกจากเรือนจำและจับตัวประกัน

คดีนี้จำเลยที่ 3 แถลงให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ขณะที่ต่อมา พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2, 4, 5 ถอนคำให้การเดิมที่ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เป็นให้การรับสารภาพ (จำเลยที่ 2 ให้การภาคเสธโดยรับสารภาพบางประเด็น)

วันนี้ศาลเบิกตัวจำเลยทั้งหมด จากเรือนจำมารับฟังคำพิพากษา ศาลใช้เวลาอ่านคำพิพากษาซึ่งมีรายละเอียดความยาวนานประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ ศาลพิเคราะห์คำเบิกความ พยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 และ นายณรงค์ศักดิ์ จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และข้อหาอื่น ลงโทษบทหนักสุดให้ประหารชีวิต ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกตลอดชีวิตทั้งสองสถานเดียว

นายมานัส จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานสนับสนุนฆ่าผู้อื่น ให้จำคุกตลอดชีวิต ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 33 ปี 4 เดือน ส่วนนายชาติชาย จำเลยที่ 4 และนายประชาวิทย์ จำเลยที่ 5 มีความผิดฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ให้ประหารชีวิต ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกตลอดชีวิตสถานเดียว และ ด.ต.ธงชัย หรือ สจ.อ๊อด จำเลยที่ 6 มีความผิดฐานร่วมกันสนับสนุนให้มีการหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ให้ประหารชีวิต ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกตลอดชีวิตสถานเดียว