ช่างกล้า! ต้นสนขวางประธานองคมนตรี ใช้มัสยิดดำเนินโครงการสานใจไทย สู่ใจใต้ เหตุความขัดแย้งส่วนบุคคล

2615

มูลนิธิพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ร่อนหนังสือถึงประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ระบุ มัสยิดต้สใสนขัดขวาง โครงการสานใจไทย สู่ใจใต้ ที่มีประธานองคมนตรี เป็นประธานอำนวยการ ปฏิเสธ ให้เยาวชนจากชายแดนใต้ เข้าศึกษาประวัติศาสตร์และเยี่ยมสุสานในมัสยิด จากเหตุผลความขัดแย้งส่วนบุคคล สร้างความเสียหายต่อโครงการ

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม นายอารีย์ วงศ์อารยะ ประธานคณะกรรมการอำนวยการ ปฏิบัติการแทนประธานคณะกรรมการอำนวยการโครงการ สานใจไทย สู่ใจไทย ไปยังประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ระบุเรื่อง มัสยิดต้นสน ขัดขวางการดำเนินการตามโครงการ สานใจไทยสู่ใจใต้

ในหนังสือความยาว 2 หน้ากระดาษ มีรายได้ละเอียด ระบุถึง ความเป็นมาของโครงการสานใจไทย สู่ใจไทย ที่ริเริ่มโดยรัฐบุรุษอาวุโส และประธานองคมนตรี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นำเยาวชนที่นับถือศาสนาพุทธและอิสลาม จาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าร่วมกิจกรรมในกรุงเทพฯและปริมณฑล ใน 10 จังหวัดภาคกลาง ตั้งแต่ปี 2548 เพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตและประสบการณ์ครอบครัวอุปถัมป์ มีเยาวชนเข้าร่วมโครงการแล้ว 36 รุ่น จำนวนกว่า 7,000 คน โดยยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ อาทิ ศอ.บต.กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษาฯ เหล่าทัพ และภาคเอกชน เป็นอย่างดี

หนังสือยังระบุว่า โครงการสานใจไทย สู่ใจใต้ ได้เน้นหนักความรู้สึกของความเป็นคนไทย การรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เป็นการสร้างความมั่นคงให้แก่ประเทศชาติตั้งแต่เริ่มต้น และเป็นการสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างศาสนิก ที่สำคัญคือให้เยาวชนเรียนรู้ความเป็นชาติ โดยเฉพาะเรื่อวประวัติศาสตร์ การเรียนรู้และและการสร้างความเข้าใจกันในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับศาสนา เพื่อให้เยาวชนเข้าในเนื้อหาของแต่ละศาสนา โดยการนำเยาวชนไปเรียนรู้ที่วัด โบสถ์ และมัสยิด เป็นการสร้างความเข้าใจในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ซึ่งที่ผ่านมาเยาวชนที่ผ่านการอบรมได้เปลี่ยนแปลงความคิด ที่จะอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม

ทั้งนี้ การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ความรักชาติ ที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลาม โดยโครงการได้นำมัสยิดต้นสนและสุสานของมัสยิดเป็นต้นแบบในการศึกษา ซึ่งเยาวชนทั้งมุสลิมและพุทธได้เรียนรู้ถึงประวัติศาสตร์มัสยิดต้นสนและเข้าศึกษาในสุสานของมัสยิด ซึ่งเป็นที่ฝังศพของบุคคลสำคัญในประเทศ ที่ได้ร่วมกอบกู้เอกราชของประเทศไทยในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ อาทิ เจ้าจอมมารดา ของรัชกาลที่ 1 รัชกาลที่ 2 และรัชกาลที่ 5 เจ้าพระยาจักรี(แขก) จุฬาราชมนตรีหลายท่าน แม่ทัพเรือของพระเจ้าตากสิน เพื่อให้เยาวชนมีความเข้าใจและภาคภูมิใจในบรรพบุรุษของเขา การต่อสู้ในอดีตที่ผ่านมา

การดำเนินการในลักษณะนี้ ดำเนินการมาตั้งแต่มีโครงการ แต่ในปี 2562-2563 ได้มีข้อขัดแย้งเกิดปัญหาโดยคณะกรรมการมัสยิดต้นสน ปฏิเสธที่จะให้เยาวชนเข้าไปในมัสยิดและสุสาน โดยเหตุผลของความขัดแย้งระหว่างบุคคลที่อ้างถึงความไม่พร้อมที่จะให้เข้าไปในมัสยิดและสุสานโดยไม่มีเหตุผล ซึ่งมัสยิดเป็นศาสนสถานการเข้าไปยังมัสยิดและสุสานเป็นสิทธิและเสรีภาพที่บุคคลจะเข้าไปประกอบศาสนิกิจได้ตลอดเวลา ซึ่งมัสยิดครั้งแรกว่า ไม่อนุญาต ครั้งที่ 2 บอกว่า ไม่พร้อม ถือเป็นการผิดเจตนรมณ์ของศาสนา ที่ระบุว่า มัสยิดเป็นบ้านของพระเจ้า ใครจะเข้าไปประกอบศาสนกิจได้ตลอดเวลา จึงถือเป็นการปิดกั้นเยาวชนในการเข้าไปศึกษาสถานที่และบุคคลสำคัญ

อนึ่ง โครงการนี้ เป็นโครงการที่ประธานองคมนตรี การปิดกั้นดังกล่าว ทั้งที่ไม่มีอำนาจ จึงถือเป็นการขัดขวางการดำเนินโครงการของประธานองคมนตรี ในฐานะประธานอำนวยการโครงการ จึงเป็นการสร้างความเสียหายให้กับโครงการเป็นอย่างยิ่ง และเป็นการขัดขวางการสร้างความมั่นคงให้กับประเทศอีกส่วนหนึ่งด้วย

ทั้งนี้ ตามหนังสือของมัสยิดต้นสนลงวันที่ 26 พ.ย. 2563 ลงนามโดยนายมนูญพันธ์ รัตนเจริญ ประธานผู้ประสานงาน คณะกรรมการมัสยิดต้นสน ระบุว่า เนื่องจากคณะกรรมการมัสยิดต้นสนชุดปัจจุบัน เพิ่งได้รับการแต่งตั้ง และมัสยิดอยู่ในสภาพทรุดโทรม และได้รับความเสียหาย จำเป็นต้องฟื้นฟู ซ่อมแซมแก้ไข จึงขอเรียนให้ทราบถึงความไม่พร้อมในการต้อนรับคณะการรมการดำเนินการโครงการสายใจไทยสู่ใจใต้ ในการนำเยาวชนและเจ้าหน้าที่เข้ามาศึกษาประวัติศาสตร์ ความเป็นมา และเข้าเยี่ยมสุสาน

มีรายงานว่า ตามปกติทุกปี เยาวชนจากโครงการสานใจไทยฯ จะเข้าฟังการบรรยายและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ที่มัสยิดต้นสน โดยมีการบรรยายจากนายเฟาซัน หลังปูเต๊ะ เมื่อครั้งเป็นอิหม่ามมัสยิดต้นสน และเจ้าอาวาสวัดใกล้เคียง และเมื่อนายเฟาซัน พ้นจากตำแหน่ง ก็ยังได้รับมอบหมายทำหน้าที่บรรยาย จนเมื่อปี 2562 คณะกรรมการมัสยิดต้นสน ได้ปฏิเสธต่อโครงการสานใจไทยสู่ใจไทยให้ดำเนินกิจกรรมภายในมัสยิด จนต้องย้ายไปยังบริเวณวัดที่ติดอยู่กับมัสยิด และในปีนี้ ได้มีการปฏิเสธอีกครั้ง ซึ่งอ้างมัสยิดชำรุกทรุดโทรม ซึ่งไม่เป็นความจริง มัสยิดหลังใหม่เพิ่งสร้างเสร็จไม่กี่ปี ไม่มีสภาพชำรุดทรุดโทรมแต่อย่างใด ซึ่งตามหนังสือของมูลนิธิพล.อ.เปรมฯ ระบุ ว่า เหตุผลจากความขัดแย้งส่วนบุคคล โดยนายมนูญพันธ์ที่ได้รับเลือกเป็นกรรมการมัสยิดต้นสน เป็นคนร้องเรียนนายเฟาซัน ต่อคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพฯ จนมีมติปลดพ้นจากตำแหน่ง

อย่างไรก็ตาม ต่อมาได้มีการประสานงานจากเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง นำเยาวชนเข้าศึกษาประวัติศาสตร์ภายในสุสานมัสยิดต้นสนได้ แต่การบรรยายได้ใช้พื้นที่ของสัดหงส์รัตนาราม โดยนายเฟาซัน หลังปูเต๊ะ บรรยายร่วมกับเจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนาราม