“ไพศาล”คนสนิท”บิ๊กป้อม”แนะ “ทักษิณ หากอยากกลับประเทศไทย ต้อง จริงใจ ร่วมปรองดอง ฟื้นฟูบ้านเมือง ชี้ หากทำได้ ทุกฝ่ายก็พร้อมต้อนรับ ย้ำขณะนี้หมดเวลาต่อสู้ทางการเมือง แต่เป็นเวลาทำความดีเพื่อสนองคุณแผ่นดินและพระเจ้าอยู่หัว
3 ม.ค.64 นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กตอนหนึ่ง ดังนี้…ขอต้อนรับท่าทีใหม่ 2564 ของคุณทักษิณ ชินวัตร คุณทักษิณแต่ไหนแต่ไรมานับถือพระ เทิดทูนเจ้า จึงทั้งพระ ทั้งเจ้าได้ช่วยทำนุบำรุงคุณทักษิณในระยะเริ่มแรก
แต่ทำไมจึงผันแปรเปลี่ยนแปลงไป ใครเป็นต้นเหตุ? ผมก็อยากจะบอกคุณทักษิณให้ได้ทราบเหมือนกัน เพราะผมก็อยู่ใกล้ทั้ง 3 เหตุการณ์นั้น ที่เชื่อว่าเป็นเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงผันแปรดังที่เป็นอยู่!!!
แต่ก่อนนี้ผมไม่อยากจะบอกเพราะยังขุ่นเคืองใจที่มีการปองร้ายผมอย่างรุนแรงในช่วงนั้น!!!
แต่มาถึงวันนี้ ก็เห็นเหมือนกันคือ เวลาอายุของคนเราล่วงเลยไปมากแล้ว ต่างก็อยู่ในวันเวลาของการเอาออก ไม่ใช่เอาเข้า เป็นห้วงเวลาที่ต้องทำความดีให้กับบ้านเมืองเพื่อสนองคุณแผ่นดินและพระเจ้าอยู่หัว
เมื่อใดคุณทักษิณปักใจมั่น จะร่วมกันปรองดองสมานฉันท์ฟื้นฟูชาติบ้านเมืองภายใต้ธงมหาราชของพระเจ้าแผ่นดินพระองค์เดียวกัน เมื่อนั้นบ้านเมืองเราย่อมดีกว่านี้แน่
โดยก่อนหน้านั้น เมื่อ วันที่ 1 ม.ค.64 เวลา 20.37 น. นายทักษิณ ได้ โพสต์ เปิดใจ ระบุว่า ขณะนี้ได้วางมือทางการเมืองถาวรแล้ว อยากกลับบ้านมาเลี้ยงหลาน ยันรักเคารพสถาบัน โดย ทักษิณ ได้ให้สัมภาษณ์ ทาง วอยซ์ทีวี เมื่อถูกตั้งคำถามว่า คนในตระกูลชินวัตรยังมีผู้นำทางการเมืองหรือไม่ และ เขาได้ตอบว่า “พอก่อนครับ ต้องร้องเพลงเจ็บนี้อีกนาน”
“ผมรุ่นแก่มากแล้ว เจอรุ่นเด็กๆนักข่าว รุ่นแก่ๆ สมัยผมไม่เหลือแล้วมั้งครับ สมัยผมเข้าวงการ 51 ปี นักข่าวตอนนั้นก็ 20 กว่า” … “จริงๆ ผมเคยป่วยโควิด และทำมาหากินกับโควิด ก็เอาวิชาการมาคุยกัน ไม่ต้องการจะวิจารณ์การทำงานของรัฐบาล เพราะผมเป็นประชาชนหวังดีต่อประเทศชาติและห่วงใยประชาชน ถ้าถามอะไรที่เป็นความรู้ ยินดีให้ความรู้เต็มที่”
ในฐานะที่เคยเป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย พรรคการเมืองที่ชนะเลือกตั้งในปี 2544 และปี 2548 ทัษิณ ในวัย 72ปี วิเคราะห์ถึงการเมืองไทยว่า “ฝ่ายการเมืองต้องมีคุณภาพ ถ้าการเมืองดี คุณภาพของคนจะเข้ามาเพิ่มมากขึ้น ถ้าการเมืองไม่ดี คนมีคุณภาพก็ถอยไป ไม่อยากเข้ามา การเมืองต้องแข็งแรง มีความเป็นธรรม เป็นประชาธิปไตยจริงๆ ถ้าการเมืองไม่เป็นธรรม คนดีๆ ไม่กล้าเข้ามา คนที่ไม่มีอะไรจะเสีย ก็จะไม่กล้าเข้ามาเสี่ยง”
“สมัยผมเป็นนายกฯ ผมอ่านหนังสือ ผมพยายามพูดอยู่เรื่อย ถ้าใครคิดจะเปลี่ยนแปลง จะต้องเล่าเรื่องการเปลี่ยนแปลงให้ประชาชนเข้าใจแล้วเดินไปด้วยกัน ว่าสิ่งที่เปลี่ยนแปลงนี้ดีอย่างไร ประชาชนเขาคิดเป็น เขาเห็นด้วยเขาคล้อยตามได้ก็จะเดินด้วย แต่ว่าสั่งไม่ได้ โลกยุคใหม่มีโซเชียลเน็ตเวิร์คแข็งแรง ประชาชนเรียนรู้หลายทาง ทุกอย่างต้องเป็นความจริง อย่าโกหก อย่าเอาเรื่องไม่จริงมาพูด ทุกอย่างมีบันทึกหมด การรู้จริงพูดจริงจึงเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการ แล้วประชาชนพร้อมเดินตามถ้าเป็นอนาคต สิ่งที่ดีต่อเขา ธรรมชาติมนุษย์ต้องคิดถึงตัวเองก่อนอยู่แล้ว”