ศาลรธน.นัดถกด่วน!! คลายปมร้อน หลังมีคำวินิจฉัย8-1 รัฐสภามีอำนาจแก้รธน.

232

ศาลรธน. คลายปมร้อน! นัดตุลาการทั้งคณะถกด่วน หลังคำวินิจฉัยที่ออกมา 8-1 ทำให้ สังคม วิพากษ์วิจาร์กันอย่างกว้างขวาง โดยได้ประชุมกันในวันจันทร์ 15 มี.ค. เพื่อเร่งทำคำวินิจฉัยกลาง ก่อน รัฐสภา จะโหวตวาระ3

15 มี.ค. 64 รายงานข่าวจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้เรียกประชุมด่วน คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้งหมดในวันจันทร์ที่ 15 มีนาคมนี้ ตั้งแต่ช่วงเช้า เพื่อร่วมหารือเป็นกรณีพิเศษ ในการจัดทำคำวินิจฉัยกลางในคำร้องคดีแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติด้วยเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 ที่ออกมาเมื่อ 11 มีนาคมที่ผ่านมา

เบื้องต้นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคุยกันนอกรอบ ยอมรับว่าแปลกใจ และคาดไม่ถึงที่หลังมีคำวินิจฉัยออกมา มีความเห็นจากฝ่ายต่างๆ ทั้ง ส.ส.-ส.ว. นักวิชาการ นักกฎหมาย วิพากษ์วิจารณ์มติศาลรัฐธรรมนูญด้วยความเห็นที่แตกต่างกันมาก ทำให้ เบื้องต้น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หารือกันว่า จะต้องทำคำวินิจฉัยกลางออกมาให้เร็วที่สุด ภายใน 1-2 วันนี้ เพื่อนำไปเผยแพร่โดยเร่งด่วน หากเป็นไปได้ จะพยายามทำออกมาให้ทันก่อนการประชุมร่วมรัฐสภาสมัยวิสามัญวันที่ 17 มีนาคมนี้ ที่รัฐสภาจะมีการพิจารณาโหวตเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระสาม เพื่อจะได้เป็นแนวทางให้สมาชิกรัฐสภาได้ศึกษาก่อนการพิจารณาดำเนินการใดๆ

“หลังมติของศาลรัฐธรรมนูญออกมา แล้วมีเสียงวิจารณ์กันมาก ตุลาการหลายคนก็คาดไม่ถึง เพราะคิดว่า มติดังกล่าวน่าจะมีความชัดเจนเพียงพอแล้ว แต่เมื่อยังมีความเห็นที่ไม่ตรงกันอยู่ของบุคคลหลายฝ่าย การประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวันจันทร์นี้ ที่ประชุมก็จะนำคำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแต่ละคน โดยเฉพาะเสียงข้างมาก 8 เสียงมาวางแนวเขียนคำวินิจฉัยกลาง ซึ่งยอมรับว่า ใน 8 เสียงเอง ก็ยังมีความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องรายละเอียดกันอยู่ แต่วงประชุมเราจะคุยกันให้สะเด็ดน้ำ แล้วเร่งเขียนคำวินิจฉัยกลางออกมาโดยเร็ว” ตุลาการศาลรธน.รายหนึ่งระบุ

โดยคำวินิจฉัยกลางที่จะออกมา เบื้องต้นมีความเป็นไปได้ ที่จะไม่มีการระบุว่า การทำประชามติ ต้องทำในช่วงก่อนรัฐสภา จะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระแรก หรือใ ห้ทำหลังรัฐสภาผ่านวาระสามไปแล้วถึงค่อยไปทำประชามติ เพราะการวินิจฉัยคำร้องคดีดังกล่าวของศาลรัฐธรรมนูญเป็นการวินิจฉัยในประเด็นเรื่องอำนาจของรัฐสภาในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่เป็นญัตติตามที่สมาชิกรัฐสภาเข้าชื่อกันมาเท่านั้น ศาลรัฐธรรมนูญจึงวินิจฉัยตอบไปว่า รัฐสภามีอำนาจแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ แต่ต้องทำประชามติถามประชาชนก่อน ดังนั้น เบื้องต้นคำวินิจฉัยกลางที่จะออกมาจะไม่ระบุชัดเจนว่า การทำประชามติให้ทำตอนก่อนพิจารณาวระแรกหรือหลังรัฐสภาผ่านวาระสาม แต่เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น ไม่มีปัญหาข้อถกเถียงกัน ก็มีความเป็นไปได้ ที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอาจจะพยายามเขียนคำวินิจฉัยกลางออกมาเพื่อให้รู้เป็นแนวว่า การทำประชามติควรทำช่วงไหน