“อนุทิน”ลั่น!! พร้อม ฉีดวัคซีน “แอสตราเซนิกา”ให้ครม.16มี.ค.64

54

รมว.สาธารณสุข เตรียมวางแผน ฉีดวัคซีน แอสตราเซนิกา ให้ ครม. พรุ่งนี้(16 มี.ค.) หลังนานาชาติ ยืนยัน มีความปลอดภัย แต่ไม่ประมาท สั่งเตรียมห้องพยาบาล และ รถฉุกเฉิน นำส่งต่อ รพ.ราชวิถี หากมีเหตุฉุกเฉิน
วันที่ 15 มี.ค.64 ที่ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยถึงแผนการฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้คณะรัฐมนตรีว่า ต้องเข้าใจก่อนคือเรื่องของความกังวลต่อวัคซีนของ แอสตราเซนนิกา ซึ่งประเทศไทยได้ชะลอการให้บริการ เพราะมีข้อสงสัยเรื่องผลกระทบของลิ่มเลือดแข็งตัว จึงได้ประสานกับนานาชาติ หาข้อเท็จจริง ได้รับคำยืนยันว่า การเกิดลิ่มเลือดที่เป็นข่าวมาก่อนหน้านี้ ไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน และหลายชาติยังให้บริการวัคซีนตัวนี้ต่อไป คณะแพทย์ จึงมีความเห็นว่า จะให้บริการแก่คณะรัฐมนตรี(ครม.) ในวันที่ 16 มีนาคมนี้เลย แต่ต้องขอรอข้อมูลยืนยันจากการประชุมก่อน

และถ้าหากต้องฉีด วางแผนไว้ว่า จะให้บริการที่ ทำเนียบรัฐบาล เพราะเกรงว่าหากให้มาที่โรงพยาบาลบําราศนราดูร จะเป็นการรบกวนประชาชนที่มารพ.เนื่องจาก ครม.จะต้องมีทีมผู้ติดตามเข้ามาจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม การดูแลจะใช้ห้องรับรอง 1 แห่ง สำหรับสังเกตอาการ พร้อมอุปกรณ์การช่วยชีวิตรองรับ พร้อมรถพยาบาลฉุกเฉิน และจัดให้โรงพยาบาลราชวิถีเป็นสถานพยาบาลรับส่งต่อ

นายอนุทิน กล่าวว่า การฉีดวีคซีนของแอสตราฯ จะเริ่มฉีดในกลุ่มเสี่ยงตามเกณฑ์ก่อน จากนั้น เมื่อวัคซีนฯ เข้ามาจำนวนมาก ถึงจะเริ่มให้บริการแก่บุคคลทั่วไป “นี่คืองานช้าง เพราะในอดีตการให้บริการวัคซีนของไทย มากที่สุด ที่เคยทำไว้คือ 10 ล้านโดส แต่นี่มากกว่านั้นหลายเท่า ประเทศไทย ไม่ได้ขาดแคลนวัคซีนฯ จะมีวัคซีนเข้ามาอีก 8 แสนโดส และจะเข้ามาอีก 1 ล้านโดสหลังจากนี้ ในช่วงกลางปี”

รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ไทยจะได้วัคซีนล็อตใหม่ และระหว่างที่รอวัคซีนฯล็อตใหญ่ ได้หารือกับผู้ผลิตหลายรายเพื่อให้ได้วัคซีนฯ เพิ่มเติมอีก 5 ล้านโดส ภายในเวลาที่กำหนดหรือ 2-3 เดือนนับจากนี้ สำหรับภาคเอกชนนั้น หากประสบความสำเร็จในการติดต่อประเทศผู้ผลิต และสามารถนำเข้ามาได้ ทางส่วนกลางก็พร้อมสนับสนุน แต่ปัจจุบัน เป็นการให้บริการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทางผู้ผลิต เน้นจำหน่ายให้รัฐบาลเป็นหลักก่อน แต่เมื่อ เงื่อนไขตรงนี้เปลี่ยนไป เอกชน จะมีโอกาสนำวัคซีนฯ เข้ามาได้ง่ายขึ้น