“หมอระวี” ฟันธง “ทักษิณ” อยู่เบื้องหลัง หนุน”จตุพร” ก่อไฟปลุกมวลชน

641

“หมอระวี” ชี้ ไม่แปลกใจ “จตุพร” ปลุกม็อบต่อ เชื่อ “ทักษิณ” หนุน หลังจาก”ม็อบสามนิ้ว” ของกลุ่มเยาวชน ไม่สามารถจุดกระแส และเชื่อว่า นายกฯ อาจประกาศยุบสภาแน่ ประมาณปลายปี65

วันที่ 29 มี.ค 64 .นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ออกมาปลุกระดมมวลชนโดยมีเป้าหมายเพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการนัดชุมนุมในวันที่ 4 เม.ย.64 ว่า เมื่อเห็นชื่อนายจตุพรและย้อนไปดูประวัติที่ผ่านมา จะเห็นว่านายจตุพรคือมือขวาคนสนิทในการก่อม็อบของนายทักษิณ ชินวัตร เพราะฉะนั้นจะรู้ทันทีว่าใครจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของม็อบกลุ่มนี้ การที่นายจตุพร อ้างว่ารัฐบาลไม่รับผิดชอบต่อการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นแค่วาทกรรมปลุกระดมมวลชน เพราะทุกพรรคการเมืองต่างก็เห็นตรงกันว่า รัฐธรรมนูญปี 60 มีจุดอ่อน และต้องมีการแก้ไข แล้วตรงจุดใดที่ระบุว่าจะไม่แก้ ตรงจุดนี้ประชาชนต้องรับข่าวสารให้ครบทุกด้าน เพื่อไม่ตกเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ของนักการเมือง

นพ.ระวี กล่าวต่อว่า เมื่อนายจตุพรกลับเข้ามาเดินลงถนนอีกครั้ง หลังห่างหายไปกว่า 10 ปี การชุมนุมจะเปลี่ยนไปจากรูปแบบเด็กๆแบบม็อบ 3 นิ้ว แต่เชื่อว่าจะเป็นการทำงานร่วมกัน แบบแบ่งบทกันเล่น โดยมีนายจตุพรเป็นหัวเรือใหญ่ และก็น่าจะมีพวกพ้องของนายจตุพร ตามกันออกมาแน่นอน คราวนี้เราจะได้เห็นแกนนำที่เปิดตัวชัดเจน ซึ่งแตกต่างจากบรรดาอีแอบของม็อบสามนิ้ว

“ถ้าถามว่าแปลกหรือไม่ที่วันนี้เห็นนายจตุพรออกมาเป็นแกนนำม็อบอีกครั้งหนึ่ง ในมุมมองของผมก็คิดว่า ไม่ได้เกินความคาดหมาย เมื่อความนิยมของม็อบสามนิ้วเริ่มตก ไม่สามารถปลุกมวลชนต่อได้ ก็ต้องหันกลับมาใช้มืออาชีพอย่างนายจตุพร แต่ต้องมาดูกันอีกทีว่าการปลุกมวลชนครั้งนี้ จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ในส่วนของเงินทุนท่อน้ำเลี้ยงคงไม่ต้องห่วง แต่ข้อสำคัญคือนายจตุพรต้องเป็นผู้นำทางความคิดของประชาชนจำนวนมากให้ได้ แต่ติดอยู่ที่ภาพในอดีตที่นายจตุพรและพวกเคยก่อไว้เมื่อปี 53 อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนไทยจำนวนมากไม่เข้าร่วมด้วย เนื่องจากไม่อยากเห็นภาพของประเทศที่ถูกย่ำยีอีกแล้ว”นพ.ระวี กล่าว

เมื่อถามว่ารัฐบาลจะสามารถรับมือการม็อบภายใต้การนำของนายจตุพร หรือไม่ นพ.ระวี กล่าวว่า ในส่วนคิดว่ารัฐบาลเหลืออายุอยู่ประมาณ 1 ปี ซึ่งเชื่อว่าประมาณปลายปี 65 ก็อาจจะมีการประกาศยุบสภา ดังนั้นระยะเวลาที่ไม่มาก ตนเชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ปัญหาไปทีละปัญหา และประคับประคองไปจนถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าได้อย่างไม่ยาก เพราะอย่าลืมว่า เครื่องมือที่รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยมีก็คือ การบังคับใช้กฎหมาย