พรรคร่วมฝ่ายค้าน แถลงการณ์ จี้ รบ.ลาออก ชี้ บริหารบ้านเมืองล้มเหลวทุกด้าน

64

พรรคร่วมฝ่ายค้าน ออกแถลงการณ์ จี้ นายกรัฐมนตรี ลาออก เปิดช่องให้มี รัฐบาลมืออาชีพเข้ามาจัดการปัญหา พร้อมเตรียมกางกฏหมายเอาผิด “ประยุทธ์” เตือนหากยังดันทุรัง ลงไม่สวยแน่ ขณะเดียวกัน เรยกร้องเร่งทำประชามติ แก้รัฐธรรมนูญปี 2560

วันที่ 28 เม.ย.2564 เวลา 10.00 น. ที่ อาคารรัฐสภา แกนนำ 6 พรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมกันแถลงผลการประชุมเรียกร้องให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลาออก โดย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หน.พรรคเพื่อไทย (พท.) และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เข้ายึดอำนาจการปกครอง และ เข้าบริหารราชการแผ่นดิน รวมเวลาที่อยู่ในอำนาจเกือบ 7 ปีเต็ม แต่การบริหารประเทศของพล.อ.ประยุทธ์ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) กลับล้มเหลวเกือบทุกด้าน สร้างปัญหาและผลกระทบต่อประเทศ สร้างความทุกข์ยากเดือดร้อนแก่ประชาชนในวงกว้าง โดยเฉพาะในสภาวะวิกฤตปัจจุบัน ดังนี้

1.ล้มเหลวและมีความผิดพลาดในการจัดการการระบาดของโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นด้านการจัดหาวัคซีน การกระจายวัคซีน การฉีดวัคซีน จนกลายเป็นประเทศที่มีจำนวนวัคซีนและฉีดวัคซีน อันดับท้ายๆในภูมิภาค นอกจากนั้นรัฐบาลกลับเป็นต้นตอเสียเองในการระบาดในหลายๆระลอก ความล้มเหลวในการควบคุมการระบาด จนกลายเป็นประเทศที่อัตราการแพร่เชื้อต่อคนสูงที่สุดในโลกในช่วงเวลาหนึ่ง การจัดการเรื่องเตียง และ ICU ผิดพลาดจนประชาชนต้องนอนรอความตายโดยไม่สามารถเข้าสู่ระบบสาธารณสุขได้

2.ล้มเหลวในการบริหารจัดการด้านเศรษฐกิจ ตลอดเวลาที่บริหารมาเกือบ 7 ปีกว่าก็ย่ำแย่อยู่แล้ว การระบาดของโควิด-19 ทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ล้มเหลวที่สุดในโลกด้านเศรษฐกิจ และเป็นหนึ่งในประเทศที่ฟื้นตัวช้าที่สุดในโลกเช่นเดียวกัน ด้านเศรษฐกิจปากท้องพี่น้องประชาชนยากลำบากจากมาตรการเยียวยาที่ผิดพลาด ไม่ตรงจุด ไม่เพียงพอ ธุรกิจล้มตายจำนวนมากเพราะมาตรการด้านสินเชื่อล้มเหลว แรงงานว่างงานมากสุดในรอบกว่าสิบปี พี่น้องประชาชนเข้าสู่ภาวะไม่ตายเพราะโรค ก็ตายเพราะไม่มีจะกิน

3.ล้มเหลวในการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของคนทั้งประเทศ สนับสนุนพวกพ้อง ทำลายผู้เห็นต่าง สร้างความแตกแยกในสังคมอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน อาศัย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นเครื่องมือและข้ออ้าง เพื่อดำรงไว้ซึ่งผลประโยชน์และอำนาจของตน โดยไม่ได้ใช้เพื่อการควบคุมการระบาดแต่อย่างใด หลอกลวงประชาชนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงเพื่อต้องการรักษาอำนาจและต่อท่ออำนาจของตนเองให้ขยายออกไป

นอกจากนี้ ภายใต้กลไกของรัฐธรรมนูญ ปี 2560 แม้จะมีปัญหาการทุจริตเกิดขึ้นมากมาย แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครเอาผิดได้ จนทำให้การทุจริตคอรัปชั่นในช่วงของรัฐบาลนี้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่า ความล้มเหลว ไร้ความสามารถ ไร้ประสิทธิภาพ ทุจริตคอรัปชั่นเพื่อตนเองและพวกพ้อง ไร้ทิศทางในการบริหารราชการแผ่นดินเหล่านี้ ถ้าปล่อยไป รังแต่จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศและประชาชนจนไม่สามารถกอบกู้กลับมาได้ กลายเป็นความเสียหายถาวรต่อประเทศ โดยประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศที่พ่ายแพ้ต่อโควิด-19 และพ่ายแพ้ด้านเศรษฐกิจ อย่างไม่น่าให้อภัย

“พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงเห็นว่า เพื่อระงับความเสียหายที่จะเกิดขึ้น รัฐบาลจำเป็นต้องยุติบทบาทในการบริหารประเทศโดยทันทีด้วยการลาออก เพื่อเปิดโอกาสให้มีรัฐบาลมืออาชีพ มีความรู้ความสามารถ ไม่ยึดติดอยู่กับอำนาจและผลประโยชน์เข้ามาบริหารประเทศ” นายสมพงษ์ กล่าว และว่า รัฐบาลนี้มักใช้อำนาจเพื่อสั่งการจากบนลงล่าง ไม่เคารพในการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งสะท้อนให้เห็นผ่านรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ต้นเหตุมาจากรัฐธรรมนูญที่วาดหวังให้เป็นฐานรองรับ เจตนาสืบทอดอำนาจ

พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงเห็นว่า หากเราต้องการก้าวไปสู่ประเทศที่เป็นประชาธิปไตย มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง ตัดต้นตอของปัญหาซึ่งประกอบด้วยรัฐธรรมนูญ 2560 และรัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยการผลักดันให้ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ให้มีผลบังคับใช้ เพื่อจัดทำประชามติยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับเก่า แล้วจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยประชาชน ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะเกิดขึ้นคู่ขนาน ไปกับการเดินหน้ายกเลิกอำนาจของวุฒิสภา ในการเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อป้องกันไม่ให้อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหารกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นการตัดวงจรสืบทอดอำนาจของระบอบเผด็จการอย่างถาวร

นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ร่วมกัน ให้ฝ่ายกฏหมายรวบรวมข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายเพื่อดำเนินคดีพล.อ.ประยุทธ์ โดยจะยื่นหนังสือขอให้ ป.ป.ช. ไต่สวนและมีความเห็น กรณีมีพฤติการณ์จงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 53 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงโดยได้ปล่อยปละละเลยไม่ปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ทำให้เชื้อโรคโควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดใหญ่ ประชาชนต้องล้มป่วยและเสียชีวิตไปจำนวนมากต่อไป

สุดท้ายนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านหวังเป็นอย่างยิ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ จึงต้องลาออกจากตำแหน่งสถานเดียว และไม่กระทำการใดๆที่จะเป็นการวางกับดัก ต่อท่ออำนาจของตนเองต่อไป

ด้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า ครั้งสุดท้ายที่เราได้พบกันในสภาคือ 2 เดือนที่แล้ว ในครั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนเคยถามส.ส.ในสภาว่าถึงเวลาแล้วหรือยังว่าเราจะเลือกประยุทธ์ หรือประเทศ วันนี้คำถามที่ตนเคยถามต้องถามให้ดังขึ้น รัฐบาลต้องยอมรับความจริงได้แล้วว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่อำนาจ หรืองบประมาณไม่เพียงพอ แต่เกิดจากความไร้ความสามารถ และวิสัยทัศน์ในการบริหาร พวกตนทั้ง 6 พรรค ไม่สามารถที่จะทนต่อไปได้อีกต่อไป

วันนี้ต้องเอาพล.อ.ประยุทธ์ออกจากอำนาจ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ต้องการแสดงความผิดชอบต่อกาสูญเสียจากการบริหารงานตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ต้องลาออกทันที ให้คนที่มีความสามารถและเชื่อมโยงกับประชาชนได้มีโอกาสเข้ามาทำงาน ทั้งนี้ พรรคก้าวไกล ยังเรียกร้องให้มีการทำประชามติตาม พ.ร.บ.ประชามติ ว่าประชาชนต้องการแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ และยังเห็นถึงความจำเป็นในการแก้มาตรา 272 เพื่อตัดอำนาจส.ว.พรรคก.ก.ขอยืนยันว่า เราจะไม่รับข้อเสนอใดๆในการแก้รัฐธรรมนูญจากฟากรัฐบาล โดยเฉพาะข้อเสนอของนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และเรียกร้องให้พรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมมือกันตัดตอนอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์

“พรรคก้าวไกลขอเสนอโรดแม็ปในการหาทางออกให้กับประเทศ ดังนี้ 1.รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ต้องยุติบทบาทการบริหารประเทศด้วยการลาออกทันที 2.จัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน 2 เรื่องคือ การแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 และการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตัดข้ออำนาจของคสช. และ 3.ยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว“ นายพิธา กล่าว

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ (ปช.) กล่าวว่า เวลาของพล.อ.ประยุทธ์ในการเป็นผู้นำในการบริหารประเทศนั้นหมดแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ยังให้ ครม.อนุมัติเอาอำนาจในพ.ร.บ.ต่างๆของกระทรวงต่างๆให้พล.อ.ประยุทธ์มาใช้แต่เพียงผู้เดียว ทั้งนี้ อำนาจถ้าอยู่ในมือคนดีก็จะเป็นประโยชน์ แต่ถ้าเอาอำนาจและกฎหมายมาอยู่ในมือคนโง่ก็ย่อมจะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ตนไม่เห็นด้วยกับการผูกขาดอำนาจและกฎหมายไว้กับคนโง่ แต่ควรกระจายอำนาจ ตนและพรรคฝ่ายค้านขอพลังจากทุกภาคส่วนทั้งภาควิชาการ ภาคประชาสัมคม ในการแสดงออกว่าไม่ต้องการรัฐบาลที่ทำงานล้มเหลวเช่นนี้

นอกจากนี้ อยากบอกพล.อ.ประยุทธ์ว่า ท่านยังมีสิทธิเลือกว่าจะลงบบดีอย่างที่เราเรียกร้อง แต่ถ้าท่านยังดื้อด้าน คิดว่าเก่ง คิดว่าทำอะไรก็ได้ในประเทศนี้บาปกรรมอันนี้จะเหมือนผู้นำในอดีตที่ต้องลงอย่างทุกข์ทรมาน ไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ท่านอย่าดูถูกอำนาจของประชาชน ถ้าเขาทนไม่ได้ จิตวิญญาณแห่งการเรียกร้อง จิตวิญญาณของประชาชนจะลุกขึ้นยิ่งกว่าเหตุการณ์ 14 ตุลา และพฤษภาทมิฬ ท่านอย่าคิดว่าเขาจะกลัวปืน หรือกลัวตำรวจ วันที่เขาทนไม่ได้ เขาจะไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าท่านจะจับเขาเข้าคุกเท่าไหร่ คนที่อยู่ข้างนอกก็ยังจะสู้ต่อไป เพราะความเดือดร้อนมันยังไม่หมด

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ (พช.) กล่าวว่า ตนยังไม่เคยเห็นนายกฯคนไหนที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายเท่านี้มาก่อน อีกไม่นานเราคงเป็นรัฐล้มเหลว นี่คือความเลวร้ายของพล.อ.ประยุทธ์ มีคนถามตนว่า ประเทศตอนนี้ปกครองโดยโจรหรือคนธรรมดา ตนก็ตอบไม่ได้ เพราะมีการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม ปกครองเหมือนโจรเพราะมีอาวุธ ตนคิดว่า ท่านมีคำตอบอยู่ในใจว่าเป็นแบบไหน นอกจากนี้ ความน่าเชื่อถือของท่านก็ไม่มีเลย สอบตก 100% เรื่องความน่าเชื่อถือ เห็นแก่ประเทศชาติท่านออกไปเถิด ตนแนะนำให้ท่านไปเป็นตลกโลก เพราะท่านถนัดอยู่แล้ว วันนี้ท่านก็ทำให้คนทั้งโลกหัวเราะเยาะท่านกันหมดอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า จะไปยื่นร้องต่อป.ป.ช.เมื่อใด นายสมพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเตรียมการอยู่ คิดว่าภายในวันสองวันนี้จะยื่นได้ และเมื่อถามว่า นายกฯควรจะเป็นใครถ้าพล.อ.ประยุทธ์ลาออก นายสมพงษ์ กล่าวว่า จะเป็นใครก็ได้ที่มาตามรัฐธรรมนูญ จะเป็นคนในพรรคร่วมรัฐบาลตนก็ไม่ขัดข้อง