“อนุทิน”แจงคืบหน้า นำเข้าวัคซีน ย้ำแอสตร้าฯ ยังเป็นหลัก เล็งนำไฟเซอร์ ฉีดให้เด็ก

34

รมว.สาธารณสุข แจงความคืบหน้า การจัดหาวัคซีน ป้องกันเชื้อไวรัส โควิด-19 ย้ำ แอสตร้าเซนเนก้า ยังเป็นวัคซีนหลักของไทย พร้อมเจรจาผู้ผลิต ไฟเซอร์ มาฉีดให้เด็กอายุ12ปีขึ้นไป

วันที่ 19 พ.ค.2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงแผนการจัดหาวัคซีนโควิด 19 ว่า เรื่องวัคซีนมีความซับซ้อน ทั้งผู้ผลิตและรัฐบาล จึงต้องเข้าใจร่วมกันว่าวัคซีนนั้น ใช้ในสถานการณ์เร่งด่วน วัคซีนเกิดขึ้นมาจากการศึกษาทดลองอย่างเร่งรีบ และผู้ผลิตจะไม่รับผิดชอบกับผลกระทบที่เกิดขึ้น เมื่อรับทราบเงื่อนไขตรงนี้ จึงจะมาคุยกันเรื่องราคา และ การจัดส่ง ทั้ง 2 ฝ่ายจะทราบความต้องการระหว่างกัน เมื่อตกลงกันได้ จึงจะนำมาซึ่งการจัดซื้อจัดหาต่อไป

ล่าสุดวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์สัน ผ่านการขึ้นทะเบียนกับทาง อย.แล้ว แต่ทางผู้ผลิตยังยืนยันว่า จะจำหน่ายให้กับทางภาครัฐเท่านั้น ซึ่งทางกรมควบคุมโรค กำลังเจรจาจัดหาตามกระบวนการ หากการหารือราบรื่น ทั้ง 2 ฝ่ายยอมรับเงื่อนไขกันและกัน ทางผู้ผลิตรายงานว่าจะส่งวัคซีนได้ในไตรมาส 4 ของปี2564

ด้านวัคซีนของโมเดอร์นา ก็ผ่านการขึ้นทะเบียนในไทยแล้ว ผู้ผลิต ยืนยันว่าจะซื้อขายผ่านรภาครัฐเช่นกัน โดยมีเป้าหมายหลักอยู่ที่ภาคเอกชน ทั้งนี้ หากภาคเอกชน ต้องการวัคซีนของโมเดอร์นา ให้ไปหารือกับตัวแทนจำหน่าย แล้วแจ้งความต้องการมายังภาครัฐ ให้เป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง แล้วองค์การเภสัชกรรม จะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมให้ หากทุกอย่างลงตัว ก็น่าจะได้วัคซีนในไตรมาส 4 เช่นเดียวกัน

สำหรับ วัคซีนของแอสตร้าเซนเนกา นี่คือวัคซีนหลักของไทย ซึ่งมีสายการผลิตในประเทศ ผู้ผลิตยืนยันแล้วว่าจะส่งให้ไทยในเดือนมิถุนายนนี้แน่นอน ทั้งนี้ หากโรงงานในไทยเกิดปัญหา ผู้ผลิต ต้องหาวัคซีนมาส่งให้ไทยตามสัญญา ขณะที่ซิโนแวค ไทยนำเข้ามาเพื่อแก้ไขสถานการณ์เร่งด่วนเมื่อช่วงต้นปี 2564 และสั่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีวัคซีนที่เพียงพอกับความต้องการ

ส่วน วัคซีนของไฟเซอร์ ไทยให้ความสำคัญ การเจรจามาถึงขั้นตอนที่ภาครัฐ และผู้ผลิต เข้าใจเงื่อนไขของแต่ละฝ่ายแล้ว หากสั่งซื้อ จะส่งได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ การที่ไทยกลับมาจริงจังกับไฟเซอร์ เพราะเป็นวัคซีนที่สามารถให้บริการแก่เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ หากสั่งเข้ามาได้สำเร็จ การให้บริการจะครอบคลุมคนไทยมากยิ่งขึ้น ขณะที่วัคซีนสปุ๊ตนิก วี ของรัสเซีย เพิ่งได้เริ่มต้นเจรจา และพร้อมขึ้นทะเบียน เมื่อได้รับเอกสารครบถ้วน วัคซีนที่นำเข้ามาให้บริการประชาชน จะต้องผ่านการพิจารณาในเรื่องประสิทธิภาพความปลอดภัยจาก อย. และ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการตรวจสอบวัคซีน ที่มีความน่าเชื่อถือในระดับสากล