ครอบครัวเหยื่อวิสามัญ 2 ศพ ร้องความเป็นธรรม น้องสาวยันพี่ชายไม่มีอาวุธจ่อยิง 3 นัดก่อนยัดปืน

2318

 

วันที่ 4 เม.ย.60  ความคืบหน้าเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการสลาตัน ได้วิสามัญชาวบ้านบ้านยาบะ ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เสียชีวิต 2 ราย เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2560 เวลา 13.30 น. โดยเจ้าหน้าที่ให้เหตุผลการวิสามัญในครั้งนี้ เพราะผู้ตายพยายามขัดขืนการจับกุมของเจ้าหน้าที่ และพยายามใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่จึงถูกวิสามัญ แต่กลับทำให้ชาวบ้านไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เมื่อน้องสาวของผู้ตายที่ร่วมเดินทางไปกับผู้ตาย ได้เล่าลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้แม่ฟัง จนทำให้ชาวบ้านไม่พอใจและโกรธเคืองเป็นอย่างมาก

ถึงแม้ภายหลังเกิดเหตุทางรองโฆษกกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า พ.อ.ยุทธนา เพชรม่วง ได้มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ค่ายสิรินธร โดยอ้างเหตุผลการวิสามัญในครั้งนี้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัย โดยเจ้าหน้าที่ได้กระทำการตามขั้นตอนของกฎหมายโดยได้เรียกให้ผู้ต้องสงสัยจอดรถเพื่อตรวจสอบ แต่คนร้ายกลับฝ่าด่านและใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้จนเกิดเหตุขึ้นดังกล่าว ทาง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย

โดย น.ส.ฮานีฟะห์ ฮามะ อายุ 15 ปี ได้เล่าและลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นว่า วันนั้นพี่ชายได้ชวนเธอไปข้างนอกและได้พบกับ นายอาเซ็ง ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกัน และเขาได้ขอให้พี่ช่วยไปส่งที่บ้านเพื่อนเขา โดยนายอาเซ็งเป็นคนบอกทางระหว่างทางผ่านด่านหลายด่าน แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ตรวจแต่ละด่านเลย จนมาถึงจุดที่เกิดเหตุได้มีรถเจ้าหน้าที่ขับเบียดมาเหมือนจะแซงขึ้นแต่ไม่แซง ทำให้พี่ชายต้องประคองรถอย่างระมัดระวัง จากนั้นรถคันดังกล่าวขับแซงขึ้นแล้วมาจอดที่ข้างหน้ารถของพี่ชาย ทำให้พี่ต้องหยุดรถเพราะไปไม่ได้ และมาอีกคันจอดที่ด้านหลังรถปิดหน้าปิดท้ายรถของพี่ชาย

หลังจากนั้นคนในรถดังกล่าวได้ลงมาจากรถพร้อมอาวุธครบมือ แสดงเป็นเจ้าหน้าที่จำนวนหลายคน และบอกให้ทุกคนลงจากรถให้หมด ทุกคนจึงลงจากรถแล้วนั่งลงบนถนนและยกมือขึ้นทั้งสองข้าง โดยนายอิสมาแอพี่ชายอยู่ที่ข้างหน้ารถ ส่วนนายอาเซ็งอยู่ที่ด้านข้างซ้ายของรถ จากนั้นเจ้าหน้าที่ผู้ชายจึงจับไหล่ของเธอและไหล่ของนายอิสมาแอพี่ชาย เพื่อให้เดินไปทางด้านหลังรถของเจ้าหน้าที่ที่จอดขวางรถของพี่ชาย แล้วเจ้าหน้าที่ได้แยกเธอจากพี่ชาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ใช้มือโอบไหล่เธอแน่นขึ้น เพื่อให้เดินไปตามที่เจ้าหน้าที่ต้องการต่อมาจึงได้ยินเสียงปืนดัง 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 ได้ยินเสียง 2-3 นัด ต่อมาจึงได้ยินอีก 3-5 นัด และครั้งสุดท้ายอีก 1 นัด

 

จากนั้นเมื่อเวลาประมาณ 14:30 น เจ้าหน้าที่ได้พาเธอไปที่ ฉก. 46 ตั้งอยู่ในตัวอำเภอรือเสาะ ในระหว่างนั้นเจ้าหน้าทีได้พูดกับเธอว่า พี่ชายของเธอพยายามไปเอาอาวุธปืนเพื่อต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ แต่เธอยืนยันว่าพี่ชายและนายอาเซ็ง ไม่มีอาวุธ และเมื่อเจ้าหน้าที่ให้หยุดรถก็หยุด ให้ลงจากรถก็ลง ให้ยกมือและนั่งลงก็ทำตาม แล้วจะลุกขึ้นมาต่อสู้ได้อย่างไรในห้วงเวลา 2-3 นาทีที่เธอถูกบังคับให้หันหลังและเดินจากจุดนั้น

จากกรณีที่มีประเด็นที่ทางโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าแถลงต่อสื่อว่า มีการตั้งด่านและรถที่เธอนั่งมามีพิรุธนั้นไม่เป็นความจริงเลย ไม่มีการตั้งด่านและเป็นรถเจ้าหน้าที่ที่ขับมาดักหน้าดักหลังและบอกให้พี่ชายจอดรถ ทำไมต้องใส่ความพี่หนูด้วย ทำไมไม่พูดความจริง

 

และในระหว่างที่เธออยู่ที่ ฉก.46 ได้มีการเก็บดีเอ็นเอเธอด้วย และมีการซักถามประวัติเพื่อนบ้าน เพื่อนสนิท ครู โต๊ะอิหม่าม ต่อมาเวลาประมาณ 19.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารจึงส่งตัวเธอไปที่โรงพัก สภ.รือเสาะ ที่นั้นก็มีการซักถามอีกครั้งก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัวเมื่อเวลาประมาณ 22:00 น.

 

ส่วนอาวุธ M4 ที่ปรากฏอยู่ข้างกาย นายอาเซ็ง อูเซ็ง พบอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รามัน ที่ถูกคนร้ายยึดได้จากเหตุปะทะเมื่อปี พ.ศ.2556 ส่วนอาวุธปืนพกสั้นบาเรสต้า ขนาด 9 ม.ม. ที่ปรากฏบริเวณกายของ นายอิสมาแอ หามะ พบว่าเป็นอาวุธปืนที่คนร้ายยึดได้จากเหตุยิงตำรวจ สภ.โกตาบารู ขณะทำพิธีละหมาด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2556 เช่นกัน และผลจากการตรวจสอบเป็นกระบอกเดียวกันที่ใช้ก่อเหตุยิง นายสมชาย ทองจันทร์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านศรีภิญโญ ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ ขณะขับรถพาลูกๆ ไปส่งโรงเรียน จนทำให้นายสมชาย พี่สาว ภรรยา และลูกชายวัย 8 ขวบเสียชีวิตรวม 4 ศพ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา

 

ด้านนางการีมะห์ บือราเฮง อายุ 46 ปี มารดาของนายอิสมาแอ หามะ ได้เปิดใจว่าครอบครัวเรามีลูก 3 คน ชาย 2 คน หญิง 1 คน ต่อมาลูกชายถัดจากนายอิสมาแอประสบอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิต เมื่อนายอิสมาแอถูกยิงเสียชีวิตก็เหลือเพียง นส.ฮานีฟะห์ เพียงคนเดียว ครอบครัวเรามีฐานะยากจนอาศัยรับจ้างกรีดยางเลี้ยงครอบครัว ไม่มีสวนยางเป็นของตัวเอง ที่ผ่านมาตั้งใจเก็บออมเงินเพื่อส่งลูกชายไปเรียนไกลประเทศอินโดนีเซีย จนจบการศึกษาระดับปริญญาตรีเอกประวัติศาสตร์ หวังว่าสักวันเราจะมีชีวิตที่ดีขึ้น หรืออย่างน้อยลูกเราไม่ลำบากเหมือนพ่อกับแม่ ลูกชายกลับมาบ้านเพียงปีเศษได้ช่วยเหลืองานสังคม เป็นที่รักของเพื่อน ลูกชายเก่งในเรื่องภาษาเวลาผู้หลักใหญ่จากต่างประเทศเข้ามาในพื้นที่ลูกชายก็ถูกเชิญเป็นพิธีกร พึ่งได้เป็นครูจ้างของโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.รือเสาะ ไม่คาดคิดแล้วว่าลูกจะอายุสั้นเพียงนี้

 

ตอนนี้เป็นหวงน้องสาวเขา เพราะได้รับกระทบกระทั่งมากเหลือเกิน เกินกว่าเด็กผู้หญิงทั่วไปจะรับได้ ไปนั่งในค่ายทหารตัวลำพัง เกือบ 6 ชั่วโมง แล้วยังโดนซักถามเรื่องที่ไม่ใช่เด็กควรรับรู้ ทำให้วันนี้น้องเขามีอาการซึมเศร้าได้แต่ร้องไห้ เมื่อคิดถึงพี่ชายเขา สองพี่น้องนี้มีความสนิทสนมกันมาก ไปไหนก็จะไปด้วยกัน บางวันพี่มีตังค์ก็พี่เลี้ยงน้อง วันไหนน้องมีตังค์น้องก็เลี้ยงพี่

 

“สิ่งที่อยากได้วันนี้คืออยากให้มีการสอบสวน เพื่อสืบหาข้อเท็จจริง คืนความเป็นธรรมให้กับครอบครัว โดยเฉพาะลูกชายที่เป็นผู้บริสุทธิ์ ทำไมต้องใส่ความกันด้วยหาว่าลูกชายมีอาวุธปืน แล้วลูกชายเรามันเคยใช้ปืนที่ไหน เขาถือแต่ปากกามาตลอดชีวิตของเขา” เสาร์-อาทิตย์ช่วยสอนโรงเรียนตาดีกาบ้านบาโงปูโล๊ะขับรถจักรยานยนต์ไปเองระยะทาง 7-8 กิโลเมตร กลางคืนก็อาสาสอนอ่านอัลกุรอ่านให้แก่เยาวชนในพื้นที่และคนเฒ่าคนแก่ในชุมชน นอกจากนั้นก็จะช่วยพ่อแม่กรีดยาง จึงทำให้ชาวบ้านเขารักตัวลูกชายมาก” นางการีมะห์ กล่าว

 

Cr.mgr