ภาคประชาสังคมรุมยำแม่ทัพภาค 4 จุ้นโรงไฟฟ้าถ่านหินจนลืมภารกิจดับไฟใต้

407

 

ภาคประชาสังคมรุมยำแม่ทัพภาค 4 จุ้นเรื่องผลักดันโรงไฟฟ้าถ่านหินปล่อยเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดต่อเนื่องหลายครั้ง ล่าสุดป่วน 4 จังหวัดชายแดนใต้ตาย-เจ็บหลายราย แนะแม่ทัพเอาเวลาไปดูแลงานด้านความไม่คง ไม่ใช่จ้องจะย้ายหมอนักพัฒนาออกจากพื้นที่ เหตุคัดค้านถ่านหิน กป.อพช.แฉยอมรับแล้วกับสื่อหนึ่งว่าอยู่เบื้องหลังคำสั่งอัปยศจริง ด้านบุคลากรโรงพยาบาลจะนะ พร้อมประชาชนจำนวนมาก มอบดอกไม้ให้กำลัง “นพ.สุภัทร” ขออย่าให้ถูกย้ายออกจากพื้นที่ ชาวบ้านฮึ่มเตรียมเคลื่อนไหวย้ายแม่ทัพ 4 พ้นพื้นที

วันที่ 7 เม.ย.60 จากกรณีที่ได้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบพร้อมกันหลายจุดในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย จ.สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ทำให้มีทหารเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ได้เกิดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์บทบาทการทำหน้าที่ของ พล.ท.ปิยะวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่ควรจะเอาจริงเอาจังกับงานข่าวกรองเพื่อปกป้องชีวิตเจ้าหน้าที่และประชาชนจากเหตุการณ์ความไม่สงบ แต่ที่ผ่านมาพบว่าแม่ทัพภาคที่ 4 คนนี้ ไปให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นมากกว่าโดยเฉพาะกระแสข่าวว่าพยายามกดดันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ย้าย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.รพ.จะนะ อ.จะนะ จ.สงขลา ออกจากพื้นที่เพราะ นพ.สุภัทร คัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน

เกี่ยวกับเรื่องนี้นายสมบูรณ์ คำแหง เลขาธิการคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ (กป.อพช.ใต้) ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง “เอาเวลาไปใช้ในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในชายแดนใต้ดีกว่าครับ..ท่านแม่ทัพ” โดยระบุว่า

จากปรากฏการณ์ใช้อำนาจพิเศษในฐานะแม่ทัพภาคที่ 4 ของ พล.ท. ปิยวัฒน์ นาควานิช เพื่อให้มีการโยกย้าย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา ด้วยการลงทุนลงแรงทำหนังสือถึงผู้บริหารในกระทรวงสาธารสุข เสมือนเป็นการสร้างแรงกดดันให้มีการดำเนินการตามความต้องการของตน

ยังผลให้เกิดคำถามและข้อสังเกตต่อบทบาทหน้าที่ และพฤติกรรมของท่านเป็นอย่างมากในสังคมแห่งโลกออนไลน์ ถึงขั้นมีการใช้โอกาสนี้ในการเข้าไปศึกษาถึงบทบาทหน้าที่ในฐานะของผู้บัญชาการกองกำลังในระดับภาค และในฐานะของผู้มีอำนาจในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ก็แทบไม่พบว่าสถานะของท่านจะเกี่ยวข้องอะไรกับการแสดงท่าทีของประชาชน หรือของคนที่ไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่เทพา หรือที่ไหนก็แล้วแต่ 

ก่อนหน้านี้ท่านได้ยอมรับผ่านสื่อแห่งหนึ่งว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการดำเนินการให้มีการโยกย้ายหมอนักพัฒนาผู้นี้จริง เพราะไปร่วมคัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน…โดยเฉพาะการออกไปกระทำการที่เข้าข่ายยุยงปลุกปั่นประชาชนให้เกิดความแตกแยก สร้างความวุ่นวาย เนื่องจากกฎของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ระบุไว้ชัดเจนว่าขอให้ทุกคนช่วยกันรักษาความสงบสุข ในช่วงที่ประเทศกำลังต้องการความสามัคคี ปรองดองกัน

***ชาวบ้านให้กำลังใจ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.รพ.จะนะ ขออย่าให้ถูกย้ายออกจากพื้นที่

ด้วยเหตุและผลของท่านดังกล่าวนั้น ยังความสงสัยว่าเป็นคำอ้างที่แฝงไว้ด้วยเจตนาอื่นใดหรือไม่ ทั้งๆ ที่ท่านทราบดีกว่า กรณีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่เทพาคือความขัดแย้งทางสังคมที่กำลังเกิดขึ้น และยังสุ่มเสี่ยงว่าจะบานปลายเป็นความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปด้วย แม้แต่รัฐบาลเองก็ยังกังวลต่อเรื่องนี้ และได้มีคำสั่งของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ คสช.ให้มีการจัดเวทีเพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าวไปแล้วเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ที่ผ่านมา

     และในเวทีนี้ก็ได้มีการเชิญ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ให้เข้าร่วมเวทีดังกล่าวนั้นด้วย และหมอก็ได้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โดยการนำเสนอความคิดที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าวในฐานะของหมอที่เป็นห่วงสุขภาพ และสุขภาวะของประชาชน ผลพวงจากความคิดในเวทีดังกล่าวนี้ได้นำไปสู่ความไม่พอใจของแม่ทัพนายกองอย่างท่าน หรือยังความไม่พอใจให้กับผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิต หรืออย่างไร จนทำให้ท่านต้องลงทุน ลดตัว หรือทำหน้าที่ซึ่งมิใช่หน้าที่ของท่านแทนผู้บังคับบัญชาของคุณหมอสุภัทรเสียอย่างนั้น

ในขณะที่สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงเดียวกันนี้มีเหตุประทุขึ้นอย่างรุนแรงไม่ขาดสาย และล่าสุดเมื่อกลางดึกในคืนวันที่ 6 เม.ย ที่ผ่านมานี้ ได้มีเหตุการณ์ระเบิดจนมีผู้เสียชีวิตไป 2 ราย และบาดเจ็บอีกหลายราย ประชาชนทั่วไปจึงส่องสายตาไปที่ท่านในฐานะแม่ทัพภาคที่ 4 และอาจจะรวมถึงนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในพื้นที่อีกหลายท่านว่าจะสามารถควบคุมเหตุการณ์ความรุนแรงดังกล่าวนั้นได้หรือไม่ อย่างไร  

และนี่คือสิ่งที่คนไทยคาดหวังในบทบาทหน้าที่ของท่านมากว่าที่จะเห็นท่านมาใช้อำนาจบาตรใหญ่กับประชาชนตัวเล็กๆ และกับข้าราชการด้านสาธารณะสุขอย่าง นพ.สุภัทร ที่ไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา เพียงเพราะห่วงใยต่อสุขภาพของประชาชนเท่านั้น หรือถ้าจะให้พูดภาษาแบบชาวบ้านทั่วไปเขาก็จะบอกกับท่านว่า “เอาเวลาไปแก้ไขปัญหาสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ดีกว่าครับ”