“องอาจ”ชี้ “สภาล่ม”กระทบภาพลักษณ์ ทำคนเสื่อมศรัทธา ใครตัวการต้องรับผิดชอบ

54

“องอาจ คล้ามไพบูลย์” ประธานสส.พรรคปชป. ยอมรับการประชุมรัฐสภาวันที่ 15 ส.ค.นี้ อาจซ้ำรอย “สภาล่ม” ซึ่งเป็นไปตามกระแสข่าว “เผด็จการรัฐสภา”จับมือ “เผด็จการทหาร” ทำแท้งกฎหมายลูก เพื่อให้ได้เปรียบการเลือกตั้ง

วันที่ 14 สิงหาคม 2565 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และ ประธาน ส.ส.พรรคปชป. กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบเมื่อเกิดเหตุการณ์สภาล่ม ว่า แน่นอนที่สุดว่าเมื่อสภาล่ม ประชาชนย่อมรู้สึกไม่พอใจการทำหน้าที่ของ ส.ส. และ ส.ว. และองค์กรรัฐสภาโดยรวมที่ประชาชนเลือกตั้งให้มาทำหน้าที่เป็นตัวแทนประชาชนในสภา แต่ไม่ทำหน้าที่สมาชิกรัฐสภา ทั้ง ส.ส. และ ส.ว. ควรต้องช่วยกันปรับปรุงแก้ไขไม่ให้สภาล่มเกิดขึ้นตลอดเวลา เพราะกระทบต่อภาพลักษณ์ของสมาชิกรัฐสภาทั้ง ส.ส. และ ส.ว. โดยรวม ถึงแม้จะมี ส.ส. และ ส.ว. ส่วนหนึ่งอยู่ประชุมสภาตามปกติ แต่เมื่อมีการนับองค์ประชุมแล้ว มี ส.ส. และ ส.ว. อยู่ไม่ครบเป็นองค์ประชุมจนทำให้สภาล่ม ผู้ที่อยู่ประชุมสภาก็ย่อมถูกตำหนิไปด้วย เหตุการณ์สภาล่มจึงเป็นเรื่องที่กระทบต่อภาพลักษณ์ของสภาอย่างมาก ผู้ที่ไม่อยู่เป็นองค์ประชุมในสภาจนทำให้สภาล่มจึงต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ว่า ไม่อยู่เป็นองค์ประชุมสภาเพราะอะไร อย่างไร

นายองอาจ กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีการกล่าวว่า สภาล่มเพราะ 2 เผด็จการ คือ เผด็จการรัฐสภา และเผด็จการทหารจับมือกัน ทำให้กฎหมายลูกออกมาเป็นประโยชน์กับพรรคการเมืองบางพรรคให้ได้เปรียบจากการเลือกตั้ง และนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันในอนาคตนั้น ก็เป็นข้อมูลที่ต้องรับฟัง คงต้องติดตามต่อไปว่าการเคลื่อนไหวของ ส.ว. และ ส.ส. บางพรรคจะแสดงออกให้เห็นถึงความเป็นไปได้อย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่

“สำหรับที่มีการฟันธงกันว่า การประชุมสภาวันที่ 15 ส.ค.นี้ สภาล่มแน่นอนนั้น ก็มีความเป็นไปได้ที่สภาจะล่มอีก เพราะมี ส.ว. และ ส.ส. จากบางพรรค ออกมาบอกว่าจะทำให้องค์ประชุมไม่ครบเพื่อทำให้สภาล่ม เพื่อต้องการให้กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. เป็นไปอย่างที่ตนต้องการ แต่ไม่ว่าใครหรือบางพรรคการเมืองใดต้องการให้กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. ออกมาทำให้ได้เปรียบจากการเลือกตั้งมากน้อยแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่ควรทำให้สภาล่ม แต่ควรทำให้สภาเดินหน้าประชุมไปได้ตามกระบวนการปกติ น่าจะเกิดผลดีต่อภาพลักษณ์สภา และเกิดประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมมากกว่า” นายองอาจ กล่าว