“นิพนธ์” จับมือ “วสันต์” แถลงสู้คดี “ฮั้วประมูล” รถซ่อมบำรุงลั่น5ก.ย.เจอกันที่ศาล

136

พูดมาเยอะแล้ว! “นิพนธ์ บุญญามณี” เปิดเวทีให้ “ทนายวสันต์” แถลงแจงยิบ มั่นใจชนะคดีปมจัดซื้อรถซ่อมบำรุงฯสมัยนั่งนายกอบจ.สงขลา ลั่นพร้อมเปิดหน้าสู้คดีกับ ‘ป.ป.ช. ชุดนาฬิกายืมเพื่อน

นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วย นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ หัวหน้าทีมทนายความของนายนิพนธ์ และนายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมแถลงข่าวคดีเกี่ยวกับการจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)สงขลา เมื่อวันที่ 1 ก.ย.2565 โดยนายนิพนธ์ กล่าวเพียงสั้นๆว่า วันนี้ตนไม่ขอพูดอะไร เพราะพูดเรื่องนี้มามากพอสมควรแล้ว

ขณะที่นายวสันต์ กล่าวว่า ตนลาออกจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญเมื่อ 1 ส.ค. 2556 แต่ยังเป็นข้าราชการบำนาญศาลยุติธรรม ซึ่งเมื่อปี 2558 ได้ขอใบอนุญาตทนายความ เพื่อช่วยเหลือพรรคพวก เมื่อมีคดีความเพราะเห็นว่า ยังมีหลายคนที่มีคดีเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม ส่วนที่มีสื่อระบุว่าเป็นถึงอดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ลดตัวมาว่าความนั้น ขออย่าดูถูกอาชีพอิสระอย่างทนายความ ตนไม่คิดสู้คดีให้ใครในศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเราเคยเป็นประมุขมาก่อน แต่ตนไม่ใช่ประธานศาลฎีฎา คงไม่น่าเกลียดอะไรที่รับว่าคดีนี้ และ ไม่ใช่คดีแรกที่ช่วยว่าความให้ ในอดีตมีอดีตประธานศาลฎีกาหลายท่านก็ตั้งสำนักงานทนายความ หรือแม้แต่อดีตนายกรัฐมนตรี คือ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ซึ่งตนเคยฝึกงานที่นี่ด้วย ก็รับว่าความ“ทำไมผมจึงมารับคดีของนายนิพนธ์ สู้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพราะในสังคมมีคนถูกกลั่นแกล้ง รังแกพอสมควร หากใช้ความรู้ช่วยพวกพรรคได้ก็ควรช่วย ซึ่งคนที่รับคดีต้องพิจารณาว่า มันจะมีทางต่อสู้หรือไม่ ถูกแกล้งรังแกหรือไม่ หากนายนิพนธ์ เป็นฝ่ายผิด ผมคงไม่รับทำคดีให้ เพราะเสียฟอร์มเปล่าๆ ผมเป็นทนายเงียบๆ ไม่ได้หิวแสงเหมือนกับใคร ทั้งนี้ คดีแรกที่ผมว่าความช่วยคือนายสมหมาย ภาษี ซึ่งเป็นพรรคพวกสมัยเรียน คดีที่สองว่าความให้นายสำเริง คำพะอุ อดีตนายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศ ที่ถูกฟ้องที่จ.ปัตตานี”

นายวสันต์ กล่าวต่อว่า ตนอยู่ในกระบวนการยุติธรรม เกินครึ่งศตวรรต มองออกว่า ใครได้รับความเป็นธรรม ใครไม่ได้ความเป็นธรรม รูปคดีเป็นอย่างไร เมื่อตรวจสอบเอกสาร เห็นว่า นายนิพนธ์ เป็นผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงรับเป็นทนายความให้ โดยสรุปเหตุคดีคือ อบจ.สงขลาต้องการซื้อรถอเนกประสงค์ 2 คัน มูลค่า 40 กว่าล้าน ใช้การประมูลเสนอราคาตามขั้นตอน จนกระทั่งทำสัญญาส่งมอบ รถฯ ผู้ขายขอเบิกค่ารถ ช่วงนั้นมีการร้องเรียนเรื่อง “ฮั้วประมูล” ประกอบกับมีการเปลี่ยนตัวนายกอบจ.สงขลา เป็นนายนิพนธ์ ปรากฎว่าบริษัท ที่ชนะประมูลถูกตรวจพบว่า มีการฮั้วประมูล ผู้ว่าฯสงขลาสั่งให้ระงับจ่ายเงิน และ อบจ.สงขลาร้องป.ป.ช.ว่ามีการฮั้วประมูลด้วยขณะที่บริษัทที่ถูกกล่าวหาว่าฮั้วประมูล อัยการก็สั่งฟ้องคดีอาญาต่อศาลทุจริตฯ ภาค9 และตัวแทนบริษัทคู่เทียบต่างหลบหนีหมายจับของศาลฯไปต่างประเทศหลายรายแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ก็ได้แจ้งความกล่าวโทษ บริษัทเหล่านั้นในข้อหาฮั้วประมูลด้วย เบื้องต้น ป.ป.ช.เชื่อว่า บริษัทเหล่านี้มีพฤติกรรมฮั้วประมูลจริง ส่วนบริษัทที่ประมูลได้ก็ยื่นฟ้องนายกอบจ.สงขลาต่อป.ป.ช.ว่า ไม่จ่ายเงินค่ารถ พร้อมกับไปฟ้องศาลปกครองกลาง แต่ศาลระบุไม่มีหลักฐานว่าฮั้ว จึงสั่งให้ อบจ.สงขลาจ่ายเงิน ต่อมาอบจ.สงขลาได้ยื่นฟ้องศาลปกครองสูงสุดพร้อมหลักฐานเพิ่มเติมเรื่องบริษัทคู่เทียบมีการฮั้วประมูลโดยคดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด

“ถ้านายกอบจ.สงขลาสั่งจ่ายเงินค่ารถฯ สัญญาที่เป็นโมฆะ ก็ถือว่ามีความผิด เพราะเป็นโมฆะกรรม ถือว่าคู่กรณีกลับคืนในฐานะเดิม คือคืนรถกลับไปให้บริษัท แต่นายกอบจ.สงขลาไม่จ่ายเงิน พวกฮั้วประมูลบอกเป็นกลั่นแกล้ง ซึ่งอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องนายกอบจ. สงขลา แต่ ป.ป.ช.กลับฟ้องคดีนี้เอง ดังนั้น เราพร้อมสู้กับป.ป.ช. และไม่ได้เกรงใจอะไร ยังชื่นชม ป.ป.ช.ชุดนาฬิกายืมเพื่อนด้วย นี่ผมไม่แขวะใคร เพราะข้อเท็จจริงเป็นแบบนี้จริงๆ” นายวสันต์ กล่าว

ต่อข้อถามว่า เปิดหน้าสู้กับป.ป.ช.แบบนี้ มีปัญหากับ ป.ป.ช.หรือไม่ นายวสันต์ กล่าวว่า ตนไม่มีปัญหากับป.ป.ช. แม้จะรู้จักเป็นส่วนตัวกับบางคนก็ตาม ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับใคร และ เมื่อถามย้ำว่า กรณีนี้ถือเป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ เพื่อให้นายนิพนธ์ออกจากตำแหน่งรมช.มหาดไทย นายวสันต์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะไม่ใช่นักการเมือง จึงไม่ขอออกความเห็นเรื่องนี้ เมื่อถามอีกว่า มั่นใจว่าจะชนะนี้แน่หรือไม่ นายวสันต์ กล่าวว่า ถ้าผมไม่มั่นใจ ผมคงไม่รับคดี เอาเรื่องจริงไปสู้กันในศาล ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด ยืนยันว่าเราในฐานะจำเลยก็เตรียมความพร้อมในทางคดี ยืนยันว่าตนและะนายนิพนธ์จะเดินทางไปตามที่ป.ป.ช.นัดในวันที่ 5 ก.ย.นี้แน่นอน