“กรณ์” ยก “โจโกวี” ผู้นำอินโดฯ วิสัยทัศน์ โดดเด่น แนะให้ศึกษาเป็นตัวอย่าง

39

หน.พรรคชาติพัฒนากล้า ยกย่อง “โจโกวี” ผู้นำอินโดนีเซีย เป็นผู้มีวิสัยทัศน์โดดเด่น ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ หลังเป็นเจ้าภาพจัดประชุม G20 สามารถเลือกใช้คนได้ถูกกับงาน ชี้ เป็นประเทศที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว เทียบจากจีดีพี โตขึ้น กว่า 5 %

วันที่ 16 พ.ย.2565 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า อดีต รมว.คลัง กล่าว โดยหยิบยกประเด็นที่ชาวโลกกำลังให้ความสนใจต่อประเทศอินโดนีเซีย และประธานาธิบดี นายโจโก วิโดโด หรือ “โจโกวี” ที่ชาวโลกชื่นชม เนื่องจากสัปดาห์นี้ อินโดนีเซีย จะเป็นเจ้าภาพประชุม G20 ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของ 20 ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการประชุมประจำปี บางครั้งสำคัญ บางครั้งไม่สำคัญ แต่ครั้งนี้ถือว่า เป็นครั้งที่สำคัญมาก เหมือนกับเมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ถือเป็นการประชุมครั้งสำคัญมาก เป็นช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งในครั้งนั้นประเทศไทยได้เข้าร่วมประชุม โดยมีประเทศอังกฤษเป็นเจ้าภาพ และมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น และตนในฐานะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการการคลัง เข้าร่วมแสดงความเห็นว่าวิกฤตเศรษฐกิจของโลก ควรจะได้รับการแก้ไขร่วมกันอย่างไร

“ปีนี้ โจโกวี ได้เชิญผู้นำระดับโลก ที่ทุกคนจับตา ทั้งวลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ,นายวอลอดือมือร์ แซแลสกี้ ประธานาธิบดียูเครน ,นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ข้าร่วมประชุมด้วย จึงเป็นการประชุมที่สำคัญ เพราะสถานการณ์โลก มันตึงเครียดมาก ชาวโลกก็จับตาว่า ทั้งหมดมาเจอกันแล้วจะออกมายังไง แต่ก็ลดดรามาไปได้ระดับหนึ่ง เมื่อ ปูติน กับ แซแลนสกี้ ไม่มาแต่ใช้ระบบออนไลน์แทน ส่วนถ้าไบเดนประชุมกับ สี เจิ้นผิง ปฏิสัมพันธ์ออกมาดี ก็จะเป็นข่าวดี สำหรับทุก ๆ ประเทศทั่วโลก” นายกรณ์ กล่าว

สำหรับ เหตุผลที่ทำให้ประเทศอินโดนีเซียน่าสนใจ นอกจากจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุม G20 แล้ว ประชากรของอินโดนีเซีย ยังมากเป็นอันดับ 4 ของโลก และเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จทางด้านเศรษฐกิจด้วย ดูจาก จีดีพีโตขึ้น กว่า 5% ต่อปี อัตราเงินเฟ้อ ก็ 5% กว่า ๆ เท่านั้น เมื่อเทียบกับหลายประเทศโลกอยู่ที่ 8-10% ส่งออกโตเมื่อเทียบกับปีที่แล้วประมาณ 30% ที่เป็นเช่นนั้นเพราะนโยบายเศรษฐกิจ ที่ชัดเจนของประธานาธิบดีโจโกวี

นายกรณ์ กล่าวด้วยว่า ประธานาธิบดี โจโกวี อดีตเคยเป็นช่างเฟอร์นิเจอร์ ก่อนจะมาเป็นผู้ว่าเมืองจากาตาร์ แล้วก็ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ตอนนี้เป็นสมัยที่สอง ซึ่งเป็นสมัยสุดท้ายของเขา ตลอดการบริหารงานสองสมัย มีผลงานมากมาย ทั้งตัดถนนมอเตอร์เวย์เพิ่มขึ้น ให้กับอินโดนีเซียถึง 2,000 กิโลเมตร เมื่อเทียบกับเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ที่ทำไปได้แค่ประมาณ 700 กว่ากิโลเมตร และ ยังมีสนามบินใหม่อีก 16 แห่ง ท่าเรืออีก 18 แห่ง เขื่อนกั้นน้ำอีก 20-30 แห่ง ทั้งหมดเป็นสาเหตุทำให้เศรษฐกิจของอินโดนีเซียเติบโต และไม่ใช่แค่ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานเท่านั้น อินโดนีเซีย ยังเป็นแหล่งสตาร์ทอัพที่อยู่ในสเกล ยูนิเคอร์นมากกว่า 10 ราย ซึ่งในนั้นก็คือ gojek แพลตฟอร์ม ที่คนไทยรู้จักดี ซึ่งผู้ก่อตั้งคือ นายนาเดีย มาคาริม ได้รับการตั้งแต่งตั้งเป็น รัฐมนตรีศึกษาธิการและเทคโนโลยี ในวัยเพียง 38 ปีเท่านั้น การเลือกใช้คนเก่ง เป็นสาเหตุสำคัญส่วนหนึ่ง ที่ทำให้อินโดนีเซีย ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ นางศรี มุลยานี อินดราวาตี ก็เป็น รมว.คลัง อินโดนีเซีย เป็นบุคคล ที่ทั้งโลกให้การยอมรับ และเคยได้รับรางวัลระดับโลกมาแล้ว และโดยส่วนตัวตนนับถือเหมือนพี่สาว เพราะสมัยที่ตนอยู่ในตำแหน่งรมว.คลัง ท่านก็อยู่ในตำแหน่ง รมว.คลัง เช่นกัน ได้มีโอกาสต่อสายพูดคุย และขอคำปรึกษาหลาย ๆ เรื่อง ตลอดมา นี่คือการเมืองของ อินโดนีเซีย ซึ่งนอกเหนือจากการใช้คนที่ถูกต้องแล้ว ยังเป็นการเมืองสมานฉันท์ สามารถเอาอดีตคู่แข่งที่เป็นผู้นำกองทัพ มาเป็น รมว.กลาโหมในรัฐบาลของตัวเองได้ และยังเป็นการเมืองที่ให้ความสำคัญกับเรื่องปากท้อง เรื่องเศรษฐกิจ จะเห็นได้จากเกือบทุกบทสัมภาษณ์ ของ โจโกวี จะพูดถึงความกังวลที่มีต่อพี่น้องประชาชน ทางด้านเศรฐกิจ และปากท้อง เพราะฉะนั้น เราสามารถเรียนรู้ จากประเทศเพื่อนบ้านของเราได้มาก ทั้งในเรื่องของ การเมืองและเศรษฐกิจ ว่าเราจะต้องบริหารจัดการอย่างไร เพื่อความสุขและการอยู่ดีกินดีของคนไทยเรากันเอง

ด้านนายเทมส์ ไกรทัศน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต พรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า เราคงรู้กันดีอยู่แล้วว่า เรากำลังเข้าสู่ห้วงเวลาสัปดาห์การประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค APEC2022THAILAND เป็นเวลา และโอกาสสำหรับประเทศไทยที่จะได้แสดงศักยภาพของประเทศ รวมถึงการเน้นย้ำความเป็นผู้นำโลกในเรื่องของการต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองระดับสำคัญและผู้มาเยือนจากทั่วโลก ขณะเดียวกัน ห้วงเวลานี้ของภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย และโดยเฉพาะชาวภูเก็ต ที่เป็นธุรกิจท่องเที่ยวและบริการทั้งจังหวัดเกือบ 100% เรากำลังมีการเปิดฤดูการท่องเที่ยว ที่จะเป็น High Season แรกที่เราจะทำมาหากินกันได้อย่างเต็มที่ หลังวิกฤตการระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

“ผมได้ลงพื้นที่พูดคุยกับผู้ประกอบการหลายรายในพื้นที่ และส่วนใหญ่ก็มีความเห็นตรงกันว่า หากการประชุมเอเปคครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยความเรียบร้อย และมีภาพที่ยิ่งใหญ่สวยงามของประเทศไทยสู่ชาวโลก จะเป็นประหนึ่งการประกาศแก่ชาวโลกว่าประเทศไทยปลอดภัย มีความร่วมมือรวมใจกัน พร้อมต้อนรับผู้มาเยือน และเป็นการเปิดฤดูการท่องเที่ยวปี 2565-2566 ไปในตัว” นายเทมส์ กล่าว

ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต ยังแสดงความเป็นห่วงด้วยว่า ช่วงนี้ทุกฝ่ายควรคำนึงถึงภาพลักษณ์ของประเทศว่าเป็นเรื่องสำคัญ อย่าให้เขามีภาพจำในทางลบ ร่วมกันสร้างความมั่นใจให้กับผู้มาเยือน เพื่อเศรษฐกิจท่องเที่ยวของไทย ได้กลับมาลืมตาอ้าปากอีกครั้ง