‘ถ้าทีมชนะผมคือคนเยอรมนัน แต่ถ้าทีมแพ้ผมแค่ผู้อพยพ’ ย้อนวรรคทองตำนานฟุตบอลโลก ‘เมซุต โอซิล’

331

‘แม้ในความเป็นจริง โอซิลจะเป็นนักเตะในทีมเยอรมันที่สร้างโอกาสทำประตูได้มากที่สุดต่อเกมในการแข่งขันคราวนั้น แต่สถิติไม่ได้ช่วยลดความเกลียดชังที่เขาได้รับจากเพื่อนร่วมชาติแม้แต่น้อย เขากลายเป็นแพะอันดับหนึ่ง กับการเป็นสาเหตุที่ทำให้อดีตแชมป์โลกพังพาบตั้งแต่รอบแรกในศึกฟุตบอลโลก 2018 เหตุการณ์ครั้งนั้น โอซิล ประกาศเลิกเล่นให้กับทีมชาติเยอรมัน’

การลงสนามของ นักเตะทีมเยอรมนีในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ตั้งแต่นัดแรกที่พ่ายแพ้ญี่ปุ่นจนเกมสุดท้ายที่ตกรอบแรกฟุตบอลโลก ภาพ ‘เมซุต โอซิล’ นักเตะอดีตทีมชาติเยอรมนี ถูกแฟนบอลเจ้าถิ่นนำมาชูในสนาม ทำให้ต้องย้อนไปถึงถ้อยคำของ ‘เมซุต โอซิล’ หลังทีมเยอรมนีตกรอบแรกฟุตบอลโลกที่รัสเซีย ที่ระบุว่า ‘ถ้าทีมชนะผมคือคนเยอรมนัน แต่ถ้าทีมแพ้ผมแค่ผู้อพยพ’ วรรคทองนี้ ถูกนำมาพูดซ้ำซ้ำ หวังสะท้อนไปให้ถึงคนเยอรมัน

ทีมชาติเยอรมนี ถูกวางให้เป็นทีมเต็งคว้าแชมปืโลกทีมหนึ่งในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 เช่นเดียวกับบราซิล อาร์เจนตินา แต่พวกเขาสร้างผลงานได้น่าผิดหวัง แพ้ญี่ปุ่น 2:1 เสมอสเปน 0:0 แม้นัดสุดท้ายจะชนะคอสตาริกา 4:2 แต่ไม่เพียงพอให้เข้ารอบ ต้องตกรอบแรก 2 สมัยติดต่อกัน

ขณะที่นอกสนาม พวกได้แสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อแฟนบอลเจ้าถิ่น เมื่อแสดงท่าปิดปากถ่ายรูปในนัดเปิดสนาม แสดงความไม่เห็นด้วยของฝ่ายจัดการแข่งขันที่ห้ามแสดงออกรักร่วมเพศ ห่ามทีมเยอรมนีติดคำว่า ‘OneLove’ที่แขนเสื้อ และชูภาพสเก็ตของ ‘เมซุต โอซิล’อดีตนักเตะทีมชาติเยอรมนีไปทั่วสนาม

‘เมซุต โอซิล’ เกิดเมื่อ 15 ตุลาคม 1988 ที่ Gelsenkirchen เยอรมนี ในครอบครัวผู้อพยพชาวตุรีกี เขาเป็นรุ่นที่ 3 ของครอบครัวอพยพ พ่อเป็นช่างตีเหล็ก ทำให้ครอบครัวในวัยเด็กมีความเป็นอยู่ไม่ดีนัก โอซิล เป็นเด็กหลงไหลในกีฬาฟุตบอล เขาฝึกฝนตนเอง จนกลายเป็นนักเตะที่มีฝีเท้ายอดเยี่ยม ด้วยครอบครัวที่ลำบาก ทำให้ต้องพลาดการลงสนามหลายครั้ง เนื่องจากไม่มีค่าเดินทางไปแข่งขัน แต่ด้วยฝีเท้าการลากเลื้อยที่ไม่เหมือนใครสร้างชื่อเสียงให้กับเขาเป็นอย่างมาก ติดทีมชาติในระดับเยาวชน ตั้งแต่ปี 2005 คว้าแชมป์โลกเยาวชนอายุไม่เกิน 21 ปี และนำทีมคว้าแชมป์ให้เยอรมนีเป็นสมัยที่ 4 เมื่อปี 2014

ในระดับสโมสร ในวัยเด็กเล่นให้กับสโมสรชาลเก้04 และเวเดอร์ เบรเมน ก่อนจะย้ายไปเล่นให้กับทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรปอย่าง ราชันชุดขาวเรียลมาดริด (2010-2014) นำทีมคว้าลาลีก้าได้ 1 สมัย ก่อนจะย้ายมาอยู่กับอาร์เซนอลในพรีเมียลีกของอังกฤษ จนถึงปี 2020 เขาได้ถูกลบชื่้อออกจากทีมด้วยพฤติกรรมส่วนตัว และเลือกไปเล่นให้กับฟินีบาเช่ ในตุรกี ที่เจ้าตัวบอกว่า ชมชอบตั้งแต่เด็ก แต่ไม่ถึง 2 ปี เขาได้ถูกลบชื่อออกจากทีมด้วยพฤติกรรมส่วนตัว ก่อนหมดสัญญาในปี 2024 แต่ในเพียง 30 นาทีก็เซ็นสัญญากับ İSTANBUL BAŞAKŞEHIR ในตุรกี สัญญา 1 ปี(2022-2023)และต่อสัญญาได้อีก 12 เดือน

สำหรับดร่ามาทีมชาติ เกิดขึ้นหลังเขากับอิลคาย กุนโดกาน ได้เข้าพบ แอร์โดอัน ประธานาธิบดีตุรกี ที่ได้รับการเลือกตั้งอีก 1 สมัย ซึ่ง ณ เวลานั้น แอร์โดกัน ถูกสร้างกระแสเกลียดชังในยุโรปอย่างสูง แม้พิธีกรกีฬาในไทยยังนำประเด็นนี้มานำเสนอจนถูกถล่มอย่างหนัก ต้องออกมาขอโทษทางตุรกี แอร์โดกัน ถูกมองว่า ใช้อำนาจทางการเมืองแบบผิดๆ ผูกขาดอำนาจเบ็ดเสร็จไว้กับตัวเอง รวมถึงมักปราบปรามผู้ที่เห็นต่างด้วยการใช้กำลังตำรวจหรือทหาร จนนำมาซึ่งการบาดเจ็บ เสียชีวิตของประชาชนอยู่เสมอ รวมถึงเป็นพวกปลุกแนวคิดเหยียดเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เช่น โจมตีกลุ่มคนเพศทางเลือก และโจมตีคนเชื้อสายยิว เป็นต้น การเข้าพลแอร์โดกันของโอซิล ถูกชาวเยอรมันถล่มอย่างหนัก ตั้งแต่ระดับประธานาธิบดีเลยทีเดียว ประธานาธิบดีเยอรมัน ได้เรียกเขาเข้าพบและให้ตัดสินใจว่า จะเลือกเยอรมนีหรือตุรกี ซึ่งโอซิล เลือกเยอรมัน กระแสจึงลดลงไป

แต่ในโลกฟุตบอลเขาถูกกดดันอย่างหนัก ไรน์ฮาร์ด กรินเดิล ประธานของสหพันธ์ฟุตบอลเยอรมัน หรือ เดเอฟเบ (DFB) ได้ออกมาโจมตีโอซิล ระบุว่า ประธานาธิบดีของตุรกีได้ทำเรื่องราวอันเลวร้ายมากมายที่ขัดกับศีลธรรมอันดี ที่คนเยอรมัน รวมถึงวงการฟุตบอลยึดถือ ดังนั้น การไปแสดงความยินดีที่แอร์โดอันได้รับตำแหน่งประธานาธิบดี จึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม

สื่อมวลชนและชาวเยอรมันได้สาปส่งแข้งทั้งสองรายเป็นจำนวนมาก เพราะในสายตาของคนเมืองเบียร์ แอร์โดอันคือผู้นำเผด็จการ (ซ่อนรูป) ตัวพ่อ ที่พวกเขารังเกียจมากที่สุด แฟนบอลทีมชาติเยอรมันจำนวนมาก เรียกร้องให้ DFB ถอดถอนรายชื่อนักเตะทั้งสองคน ออกจากลิสต์นักเตะที่จะไปลุยฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งถูกประกาศมาก่อนหน้านี้ แต่โค้ชทีมชาติเยอรมนีอยู่ข้าง โอซิล ยังคงรายชื่อให้โอซิล มีชื่อไปแข่งที่รัสเซีย แต่เมื่อเยอรมันตกรอบแรก โอซิล ได้ถูกถล่มอย่างหนัก กลายเป็นแพะรับบาปไปทันที จนโอซิลต้องออกมาสัมภาษณ์ด้วยประโยคเด็ดที่กลายเป็นวรรคทองจนถึงทุกวันนี้

“ในสายตาของกรินเดิล (ประธานเดเอฟเบ) และแฟนบอลทุกคน เมื่อทีมชนะ ผมคือคนเยอรมัน แต่เมื่อทีมแพ้ ผมเป็นแค่ผู้อพยพ ผมรู้สึกว่าไม่มีใครต้องการผมอีกต่อไป สิ่งที่ผมทำให้เยอรมันในฐานะนักเตะทีมชาติตั้งแต่ปี 2009 ถูกลืมไปจนหมดสิ้น
“ทั้งที่ผมจ่ายภาษีให้เยอรมัน บริจาคเงินพัฒนาโรงเรียนในเยอรมันตั้งมากมาย ผมคว้าแชมป์โลกให้กับประเทศ แต่สังคมกลับไม่ยอมรับผม ทำเหมือนกับผมเป็นคนอื่นในสังคม”

“ผมรับไม่ได้กับการที่สื่อโจมตีว่า ผมทำให้ทีมตกรอบ ผมรับอะไรไม่ได้ทั้งนั้น เพราะพวกเขาไม่ได้โจมตีที่ผลงานของผม พวกเขาเล่นงานเพราะผมมีเชื้อสายตุรกี พวกเขาล้ำเส้นความรู้สึกส่วนตัวของผมเข้ามามากเกินไป และพวกเขาไม่ควรทำแบบนั้น ผมให้ความเคารพรากเหง้าของผมเสมอ แต่หนังสือพิมพ์กำลังทำให้ประเทศเยอรมันเป็นศัตรูกับผม”โอซิล ระบุ

แม้ในความเป็นจริง โอซิลจะเป็นนักเตะในทีมเยอรมันที่สร้างโอกาสทำประตูได้มากที่สุดต่อเกมในการแข่งขันคราวนั้น แต่สถิติไม่ได้ช่วยลดความเกลียดชังที่เขาได้รับจากเพื่อนร่วมชาติแม้แต่น้อย เขากลายเป็นแพะอันดับหนึ่ง กับการเป็นสาเหตุที่ทำให้อดีตแชมป์โลกพังพาบตั้งแต่รอบแรกในศึกฟุตบอลโลก 2018 เหตุการณ์ครั้งนั้น โอซิล ประกาศเลิกเล่นให้กับทีมชาติเยอรมัน

ชื่อของโอซิล ถูกนำมาพูดถึง เมื่อเยอรมันตกรอบฟุตบอลโลก 2022 โดยไม่มีโอซิล อยู่ในสนาม จึงไม่มีแพะรับบาป กับการตกรอบแรกในครั้งนี้