รายงานการสืบสวน 3 ชิ้น เปิดเผยว่า กองกำลังสหรัฐพลาดที่จะแจ้งเตือนก่อนที่จะทิ้งระเบิดจากโดรน โจมตีทางตอนเหนือของประเทศซีเรีย เมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา จนทำให้มัสยิดที่มีศรัทธาชนเตรียมตัวทำละหมาดพังทลาย และมีผู้เสียชีวิตเกือบ 40 ราย
รายงานจากหน่วยงานที่ไม่ขึ้นต่อกัน 3 แห่ง ได้แก่ องค์กรเฝ้าระวังด้านสิทธิมนุษยชน (HRW), องค์กร Forensic Architecture สำนักงานกรุงลอนดอน และ หน่วยงานสืบสวนโดยไม่ปิดบังแหล่งข่าว Bellingcat เปิดเผย ว่า สหรัฐฯ ทิ้งระเบิดใส่มัสยิดทาวตะวันตกของเมืองอะเล็ปโป เมื่อวันที่ 16 มีนาคม ทำให้มีประชาชนเสียชีวิต 38 ราย และบาดเจ็บหลายสิบคน
หน่วยงานสหรัฐ ฯ US Central Command (CENTCOM) อ้างว่า การทิ้งระเบิดมุ่งเป้าทำลายสมาชิกกลุ่มอัล-กออิดะ ที่กำลังประชุมกันในพื้นที่ดังกล่าว และเมื่อปฏิบัติการณ์เสร็จสิ้น สหรัฐ ฯ ยังได้ประกาศว่า ได้ทำการสังหารแกนนำกลุ่มก่อการร้ายอัล-กออิดะหลายสิบคน
จากการสัมภาษณ์ชาวบ้าน ร่วมกับหลักฐานภาพถ่ายและวิดีโอ แสดงว่า สถานที่ที่ถูกทำลายไปเป็นมัสยิดที่เป็นที่รู้จักทั่วไปในหมู่บ้านอัล-จีนะฮ์ (al-Jinah) ซึ่งเป็นสถานที่จัดการบรรยายศาสนาทุกค่ำวันพฤหัส ผู้ทำรายงานยังพบอีกว่า สหรัฐ ฯ ได้ยิงจรวด Hellfire เข้าใส่ประชาชนที่วิ่งหนีออกมาจากอาคารที่โดนระเบิดนี้ด้วย
Ole Solvang ผู้ทำวิจัยสืบสวนขององค์กร HRW ระบุว่า กองกำลังสหรัฐไม่ได้ทำการแจ้งเตือนที่จำเป็น เพื่อช่วยลดจำนวนประชาชนที่อาจจะเสียชีวิตจากการทิ้งระเบิด อ้างอิงจากแถลงการณ์ของกองทัพสหรัฐ พวกเขาไม่ตระหนักรู้เลยว่า สถานที่แห่งนี้คือมัสยิด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการข่าวกรองที่อ่อนด้อย
HRW ได้สัมภาษณ์ประชาชน 14 ราย ที่ได้รับรู้เกี่ยวกับการระเบิดโดยตรง ในจำนวนนี้ 4 รายเป็นผู้ที่อยู่ในมัสยิดที่ถูกระเบิดในเวลานั้นด้วย โดยในการสอบสวน HRW ใช้การสำรวจที่จัดเตรียมโดยหน่วยงาน Bellingcat ซึ่งทำการวิเคราะห์คลิปวิดีโอ และภาพถ่ายจากการโจมตี และองค์กร Forensic Architecture ได้ทำการสร้างแบบจำลองมัสยิด และการโจมตีขึ้นใหม่ องค์กรทั้ง 3 แห่ง ทำงานแยกส่วนกัน แต่นำผลการสอบสวนมาประกอบเข้ากัน ซึ่งการวิเคราะห์เปิดเผยผลที่ตรงกันข้ามกับแถลงการณ์ของสหรัฐ ฯ โดยอาคารที่เป็นเป้าหมายของการโจมตี คือ มัสยิดที่เพิ่งสร้างไม่นาน มีห้องโถงละหมาดขนาดใหญ่ มีห้องแยกออกไปอีกหลายห้อง และที่พักอิหม่าม
พยานระบุว่า การโจมตีเกิดขึ้นประมาณ 1 ชั่วโมงหลังเวลาละหมาดมักริบ และอีกประมาณ 15 นาทีจะเข้าเวลาละหมาดอิชาอฺ รายงานของ HRW ระบุว่า ถึงแม้จะมีสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายอยู่ในมัสยิด แต่สภาพการณ์ของการพุ่งเป้าโจมตีอาคาร และรูปแบบของการใช้ชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่รอบอาคาร ก็ยากที่จะไม่เกิดความสูญเสียหากเสี่ยงทำการโจมตี
การโจมตีมัสยิด ก่อนเวลาละหมาด และยังพุ่งเป้าทำร้ายประชาชนที่หนีตายออกมาจากอาคาร โดยไม่รู้แน่นอนว่าพวกเขาเป็นพลเมือง หรือผู้ก่อการร้าย นับเป็นการละเมิดกฎการทำสงคราม แม้จะมีสมาชิกกลุ่มติดอาวุธรวมอยู่ในมัสยิดด้วยก็ตาม
http://www.aljazeera.com/news/2017/04/air-strike-syria-hit-peaceful-mosque-170418073446175.html
Tangnamnews