“หมออ๋อง”โต้ “สมคบคิด”ก.ก. กินรวบ2 ตำแหน่ง”อดิศร-ลายจุด” ฉะยับไม่สง่างาม

36

“หมออ๋อง”ปดิพัทธ์ สันติภาดา ออกโรง โต้ “สมคบคิด” พรรคก้าวไกล กินรวบ 2 ตำแหน่งในสภา ขณะ “อดิศร-บก.ลายจุด” ชี้ เป็นการสร้าง “นิติกรรมอำพราง” ความสง่างามไม่มี ทำลายเกียรติภูมิ

วันที่ 29 ก.ย.2566 นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร โต้เสียงวิจารณ์เรื่องการ “สมคบคิด” และ “มีเงื่อนงำ” หลังถูกพรรคก้าวไกลใช้มติขับพ้นพรรค เพื่อรักษาไว้ทั้ง 2 เก้าอี้ ทั้งผู้นำฝ่ายค้านในสภา และรองประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ

“ผมขอน้อมรับมติของพรรคก้าวไกลที่ต้องการทำหน้าที่ ‘ฝ่ายค้านที่สมบูรณ์แบบ’ และตัดสินใจให้สมาชิกภาพของผมยุติลง” นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เปิดแถลงข่าวที่รัฐสภา ระบุว่า ถ้าตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภา จะส่งผลกระทบต่อวาระที่ให้คำมั่นสัญญาไว้กับประชาชนและสภา ซึ่งภายหลังพรรค ก.ก. มี กก.บห. ชุดใหม่ จึงแสดงความจำนงจะทำหน้าที่ต่อในฐานะรองประธานสภา ทำให้ไม่สามารถเป็นสมาชิกพรรค ก.ก. ได้อีกต่อไป

พร้อม ยก 3 เหตุผลที่ใช้ประกอบการตัดสินใจรักษาเก้าอี้รองประธานสภาเอาไว้ สรุปว่า1. ต้องการใช้วาระสภาขับเคลื่อนนโยบายเพื่อยกระดับให้โปร่งใส มีประสิทธิภาพสูง และเป็นของประชาชน 2.ต้องการปฏิบัติหน้าที่รองประธานสภาอย่างเป็นกลางต่อทุกพรรค และต่อประชาชนทุกชุดความคิดไม่ว่าจะสังกัดพรรคใดก็ตาม และ 3. ดังนั้น “การต้องเปลี่ยนต้นสังกัดจะไม่ส่งผลกระทบต่อการทำหน้าที่และแผนงานในสภาแน่นอน”มั่นใจว่าพรรค ก.ก. มีความพร้อมและมีบุคลากรในการดูแลความทุกข์ร้อนของชาวพิษณุโลกเขต 1 ได้ และในการตัดสินใจได้สอบถามความเห็นประชาชนในเขตอย่างคร่าว ๆ แล้ว

โดยก่อนหน้านี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่ และ สส. ก้าวไกลมีมติเมื่อ 28 ก.ย. ให้นายปดิพัทธ์ออกจากการเป็นสมาชิกพรรค โดยให้เหตุผลว่า “เพื่อให้พรรคก้าวไกลสามารถทำหน้าที่เป็น ‘ฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์’ ได้”

สำหรับ นายปดิพัทธ์ หรือ “หมออ๋อง” อดีตนายสัตวแพทย์ ในวัย 42 ปี เป็น สส.พิษณุโลก เขต 1 สมัยที่ 2 โดยเข้าสภาครั้งแรกปี 2562 ภายใต้สังกัดพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และครั้งล่าสุดในนามพรรค ก.ก. ทั้งนี้ เขามีเวลา 30 วันในการหาต้นสังกัดใหม่เพื่อรักษาสมาชิกภาพ สส. ตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้มีอย่างน้อย 2 พรรคการเมืองขั้วฝ่ายค้านที่ออกมาส่งสัญญาณพร้อม “อ้าแขนรับ” รองประธานสภาผู้ถูกขับพ้นจากพรรคสีส้ม นั่นคือ พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ซึ่งมี สส. อยู่ 6 คน และ พรรคเป็นธรรม (ปธ.) ซึ่งมี สส. เพียง 1 คน

อย่างไรก็ตามนายปดิพัทธ์ยังไม่เปิดเผยว่าจะสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด และยังไม่มีการพูดคุยอย่างเป็นทางการกับพรรคใด โดยบอกเพียงว่า “เป็นพรรคการเมืองที่สอดคล้องกับอุดมการณ์ของผม ไม่สามารถข้ามขั้วไปอยู่กับพรรคการเมืองที่ขัดแย้งกับอุดมการณ์ของผมได้” ….“ผมจะไปเป็นสมาชิกพรรคไหน ต้องให้เกียรติพรรคนั้น ไม่มีการมองว่าเป็นพรรคนอมินีแน่นอน” เขาออกตัวแทนว่าที่พรรคต้นสังกัดใหม่

นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการขับนายปดิพัทธ์ออกจากพรรค ก.ก. เพราะไม่มีความผิดอย่างร้ายแรง อีกทั้งเขาก็เป็นหนึ่งใน ส.ส. ที่โหวตเลือกนายปดิพัทธ์เป็นรองประธานสภามากับมือ

“อย่าสร้างนิติกรรมอำพราง ความสง่างามจะไม่มี ถ้าเดินทางไม่มีความสง่างาม ท่านขึ้นบัลลังค์จะไม่มีคนเคารพ เขามีความผิดอะไร การเป็นรองประธานมันผิดอย่างร้ายแรงเชียวหรือ มันไม่มีในข้อบังคับพรรคไหนหรอก เว้นแต่จะเล่นละครปาหี่กัน” ประธานวิปรัฐบาลกล่าวเมื่อ 28 ก.ย.

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ “บก.ลายจุด” นักกิจกรรมทางการเมือง ให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊กของเขาว่า “อย่าขับหมออ๋อง เพื่อรักษาตำแหน่งรองประธานสภา มันจะทำลายเกียรติของหมออ๋องและพรรคก้าวไกล ได้ไม่เท่าเสีย ให้ทำการเมืองแบบตรงไปตรงมา คนเข้าใจง่าย”