รถแบคโฮ เหวี่ยงอาร์มสำหรับตักดินโดนหลังคารถบัส

462

รถปรับอากาศรับส่งนักท่องเที่ยวที่กำลังแล่นอยู่บนถนน ส่งผลให้ นทท.ที่อยู่บนรถ ได้รับบาดเจ็บ 2 คน หน่วยงานเกี่ยวข้องระบุอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดจากความประมาทของคนขับรถแบคโฮ

วันนี้ ( 30 เม.ย.) ร.ต.อ.จรัญ ศรีรักษ์ พนักงานสอบสวนเวร สภ.ท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ได้รับแจ้งเกิดอบุติเหตุ รถแบคโฮเหวี่ยงอาร์มสำหรับตักดินโดนหลังคารถบัส มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 2 คน เหตุเกิดบริเวณแยกบ้านหัวนา ม.2 อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย มูลนิธิสยามรวมใจปู่อินทร์ เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบ รถแบคโฮสีเหลืองของผู้รับเหมาก่อสร้างถนน จอดอยู่บริเวณไหล่ทาง มีรอยเฉี่ยวชนบริเวณอาร์มข้างขวา มีนายกำธร หวังข้อกลาง อายุ35 ปี บ้านเลขที่ 12 ม.9 ต.โคกกระเบื้อง อ.บ้านเหลื่อม จ.นครราชสีมา เป็นคนขับรถ

ใกล้กันพบรถทัวร์ปรับอากาศ 2 ชั้น สีขาว ทะเบียน 30-0200 นครศรีธรรมราช หลังคาด้านหน้าบนคนขับยุบ มีนายชัยรัตน์ นนทแก้ว อายุ42 ปี บ้านเลขที่72 ม.5 ต.ท้ายสำเภา อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช เป็นผู้ขับรถ และมี นาย วาน ยิบิง WAN YIBING อายุ 48 ปี และ นางสาว อิ ซิจิน AI ZIIING อายุ37ปี นักท่องเที่ยวชาวจีน ที่เดินทางมากับรถคันดังกล่าว ได้รับบาดเจ็บ บริเวณศรีษะ เจ้าหน้าที่กู้ภัย จึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลท้ายเหมืองชัยพัฒน์ ก่อนจะส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต จากการสอบสวนเบื้องต้น นายชัยรัตน์ นนทแก้ว คนขับรถทัวร์ ให้การว่า ตนเองได้รับนักท่องเที่ยวชาวจีนจากจังหวัดภูเก็ต เดินทางมายัง อ.ท้ายเหมือง เพื่อที่จะไปยังแหล่งท่องเที่ยวเขาหน้ายักษ์

เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ รถแบคโฮ ที่กำลังทำงานอยู่ข้างถนน ได้หมุนอาร์มสำหรับตักดินขึ้นมาบนถนนจนกระแทกโดนตัวรถและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ออกรับผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล ด้านนายประสิทธิ์ คงเพ็ชร นายช่างโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 4 สาย อ.ตะกั่วป่า – บ.เขาหลัก – บ.โคกกลอย สำนักก่อสร้างทางที่ 1 กรมทางหลวง เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าว ว่า หลังจากทราบเรื่อง จึงได้สอบถามไปยังผู้รับเหมาโครงการ ซึ่งได้มีการชี้แจงว่าเป็นความประมาทของผู้ขับรถแบคโฮ ขณะหมุนอุปกรณ์ตักดิน ที่คิดว่าหมุนพ้นรถทัวร์ที่จอดรออยู่ แต่กลับติดหลังคาด้านหน้าของรถทัวร์จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุ และได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปติดตามเรื่องเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับถนนสายดังกล่าว ได้มีการขยายถนนจาก 2 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจร ด้วยงบประมาณ 794,200,000 บาท ซึ่งพบว่าก่อนหน้านี้เคยมีเหตุการณ์ผู้รับเหมาไม่ติดตั้งสัญญาณเตือนจนหน่วยงานภาครัฐต้องออกหนังสือสั่งการให้หยุดงาน 15 วัน เพื่อทำการติดตั้งป้ายสัญญาณเตือนในจุดต่าง ๆ และได้มีการตรวจสอบเป็นที่เรียบร้อยจึงเปิดให้ทำงานอีกครั้งเมื่อหลังสงกรานต์ที่ผ่านมา แต่วันนี้พบว่าเป็นความประมาทของคนขับรถแบคโฮ จึงได้กำชับให้ ผู้รับเหมารับผิดชอบผู้เสียหาย และหาวิธีป้องกันอุบัติเหตุไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต