“ช่อ” ทวีต RIP บุ้ง คนเห็นต่างไม่สมควรตาย เจ้าตัว บริจาคร่างกายให้ รพ.

28

‘ช่อ’ทวีต RIP ‘บุ้ง’ ระบุคนเห็นต่างไม่สมควรตายหรือติดคุก ถามสังคมต้องรอให้มีคนตายก่อนหรือ จึงจะตระหนัก เปิดหนังสือ “บุ้ง” บริจาคร่างกายให้คณะแพทย์มธ. หวังนำร่างไปทำประโยชน์

วันที่ 14 พ.ค.2567 น.ส.พรรณิการ์ วานิช เลขาธิการคณะก้าวหน้า ทวีตข้อความผ่าน x ถึงกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวัง นักกิจกรรมทางการเมือง ว่า ต้องรอให้มีคนตายก่อนหรือ ถึงจะทำให้สังคมตระหนักว่าคนเห็นต่างไม่สมควรตายหรือติดคุก และสิทธิการประกันตัวเป็นของทุกคน หรือแม้แต่มีคนตายแล้ว ก็จะยังไม่เข้าใจ ไม่รับรู้กันอีก? มีอีกหลายคนยังอยู่ในคุก ไม่ได้ประกัน มีอีก 3 คน ที่อดอาหารประท้วงอยู่ในเรือนจำ ถึงจะเห็นต่างกัน แต่เราเป็นมนุษย์เหมือนกัน พึงรักษาความเป็นมนุษย์กันไว้เถอะนะ RIP บุ้ง.

ก่อนหน้านี้ น.ส.เนติพร ได้ทำหนังสือแสดงเจตนาขอบริจาคร่างกาย และหนังสือเจตนาไม่ประสงค์จะขอรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิต หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วย ลงลายมือชื่อ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง แกนนำกลุ่มทะลุวัง

โดยเอกสารระบุ “ข้าพเจ้านางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม หนังสือฉบับนี้ทำขึ้นเพื่อแสดงเจตนาของข้าพเจ้า ซึ่งถูกคุมขังอยู่ตามหมายขังของศาลอาญากรุงเทพใต้ และขณะนี้กำลังทำการอดอาหารและน้ำเพื่อประท้วงกระบวนการยุติธรรมและเรียกร้องให้มีการปฏิรูประบบตุลาการและกระบวนการยุติธรรมของไทย

ข้าพเจ้าขอแสดงเจตนาต้องการบริจาคร่างกายของตนภายหลังจากที่ตายแล้ว โดยขออุทิศร่างนี้ให้กับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อการศึกษาและวิจัย เพื่อนำร่างของข้าพเจ้าไปใช้ทำประโยชน์ เป็นการเผยแพร่ความรู้ถึงสภาวะที่จะเกิดขึ้นกับ ร่างกายของมนุษย์เมื่อเกิดการอดอาหารขึ้น

ในการอุทิศร่างกายดังกล่าว ข้าฯขอความกรุณาคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กรุณารับร่างของข้าฯ ไว้ แม้จะไม่สามารถเดินทางมาติดต่อกรอกข้อมูลและยื่นเอกสารด้วยตนเองได้ ด้วยเหตุผลส่วนตนและเหตุผลจากการที่ถูกคุมขังอยู่ภายใต้การควบคุมของราชทัณฑ์

ทั้งนี้ หากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะทำการรับร่างของข้าฯ ไว้ ก็จักเป็นการขอบพระคุณยิ่ง และต้องขออภัยหากหนังสือแสดงเจตนาของข้าพเจ้าได้สร้างความเดือดร้อนให้กับคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยประการใด

ขอแสดงความนับถือเป็นอย่างสูง ในกิจการที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรมศาสตร์ และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ได้ยืนหยัดช่วยเหลือประชาชนตลอดมา คุณความดีใดที่ได้จากการอุทิศร่างกายในครั้งนี้ ขอส่งให้กับประชาชนที่ยากลำบากทุกคน และขอให้ไม่มีความเหลื่อมล้ำในประเทศไทยอีกต่อไป”.