มุอญิซาต (ปฏิหาริย์) ของท่านนบีมุฮัมหมัด
สิ่งที่อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ประทานให้แก่ท่านนะบี นอกจากอัลกุรอานแล้ว ส่วนหนึ่งจากปฏิหาริย์ที่สัมผัสได้เสมือนกับบรรดานะบีท่านอื่นๆ จะกล่าวถึงโดยสรุป ดังต่อไปนี้ ;
1.อัลอิสร็ออฺและอัลมิอร็อจญ์
ประวัติศาสตร์ของอัลอิสร็ออและอัลมิอร็อจญ์ ได้เกิดขึ้นกับท่านนะบี หลังจากที่ อบีฏอลิบ ผู้เป็นลุง และค่อดียะฮ์ รอฎิยัลลอฮู่อันฮา ผู้เป็นภรรยา ได้เสียชีวิตแล้ว ผลสืบเนื่องต่อการจากไปของลุงและภรรยาของท่านนะบี คือบรรดามุชริกีนได้ทวีความรุนแรงในการ่อต้านท่าน การอัลอิสร็ออและอัลมิอร็อจญ์ จึงเกิดขึ้นเพื่อให้ท่านนะบี มีความแข้มแข็งและมีความอดทนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขอสรุปสิ่งที่เป็นปฏิหาริย์นี้ว่า แท้จริงพระองค์อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ทรงให้นะบี ของพระองค์เดินทางในเวลากลางคืน จากมัสญิดอัลฮะรอมที่นครมักกะฮ์ไปยังมัสญิดอัลอักซอ ที่ประเทศปาเลสไตน์ โดยมีสัตว์เป็นพาหนะชื่อว่า “อัลบุรอก” ซึ่งพระองค์ทรงเตรียมไว้ให้ท่านนะบี และจากมัสญิดอักซอ ท่านได้ถูกนำขึ้นสู่ฟากฟ้าทั้งเจ็ดชั้น และท่านนะบี ได้พบปะกับบรรดานะบี อะลัยฮิมุสลาม ที่ชั้นฟ้านั้นๆด้วย และได้เห็น“ซิดร่อตุลมุนตะฮา” (ชื่อต้นไม้ต้นหนึ่ง) และได้เห็นสภาพต่างๆที่เป็นความสุขในสวนสวรรค์ที่พระองค์อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงจัดเตรียมไว้ให้แก่ชาวสวรรค์ และเช่นเดียวกันท่านเราะซูล ได้เห็นสภาพต่างๆในนรกที่มีผู้ถูกทรมานในนั้นอีกด้วย และที่นั่นการละหมาดทั้งห้าเวลาได้ถูกกำหนดขึ้น หลังจากนั้น ท่านนะบี ได้ลงมายัง “บัยติลมักดิส” และท่านได้ละหมาดที่นั่นกับบรรดานะบี ทั้งหลาย และท่านจึงกลับไปยังนครมักกะฮ์
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเพียงชั่วข้ามคืน เมื่อถึงเวลาเช้าท่านได้เล่าถึงการเดินทางให้พวกกุเรซที่ปฏิเสธศรัทธาฟัง พวกเขากลับยิ่งทวีความรังเกียจ โดยอ้างว่าต้องการหลักฐานที่สัมผัสได้(มองเห็น) ท่านเราะซูล จึงได้เล่าถึงลักษณะของมัสญิดอัลอักซอให้แก่พวกเขาฟัง พวกเขารู้ดีว่าท่านนะบี ไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน และในหมู่ของพวกเขามีผู้ที่เคยไปมัสญิดอัลอักซอ พวกนั้นต่างยอมรับว่าทุกสิ่งเป็นจริงตามที่ท่านเราะซูล ได้บอกกล่าวถึงลักษณะต่างๆให้ฟัง
ในทำนองเดียวกัน ท่านได้เล่าให้พวกเขาฟังถึงสิ่งที่ท่านพบเห็นตามหนทางที่กองคาราวานสินค้าที่มุ่งมาจากประเทศชาม ขณะที่ท่านได้พบเห็นพวกเขาในระหว่างเดินทางและท่านก็ได้เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับกองคาราวานนั้น เมื่อกองคาราวานสินค้ามาถึง พวกเขาได้สอบถามผู้ที่มากับกองคาราวานนั้น พวกที่เดินทางมาต่างก็ตอบว่าเป็นเรื่องจริง แต่ทว่าบรรดาผู้ที่ปฏิเสธก็ไม่ยอมเชื่อในสิ่งที่ท่านเราะซูล ได้บอกกล่าว
2. การแยกของดวงจันทร์ (เป็นสองเสี้ยว)
บรรดากุฟฟ๊ารกุเรซได้ถามท่านนะบี ถึงสิ่งที่เป็นปฏิหาริย์เพื่อเป็นหลักฐานการเป็นนะบีที่แท้จริง และอัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ทรงตอบโต้พวกเขาว่าสิ่งที่เป็นปฏิหาริย์นี้มันมิได้เพิ่มอะไรแก่พวกเขาเลย นอกจากความดื้อรั้น เสมือนดั่งที่เคยเกิดกับบรรดานะบีก่อนหน้ามาแล้ว แต่ในช่วงเวลานั้นพวกเขาได้กดดันท่านเราะซูล โดยที่พวกเขาต้องการให้แสดงสิ่งที่เป็นปฏิหาริย์ให้ได้เห็น ท่านเราะซูล จึงกล่าวแก่พวกเขาว่า :
พวกท่านจงมองไปยังดวงจันทร์สิ
ทันใดนั้นดวงจันทร์ก็แยกออกจากกันเป็นสองเสี้ยว โดยที่ภูเขาฮิรอออฺยู่ตรงกลาง (*1*)
ดังที่อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงตรัสว่า และจะไม่มีอะไรเพิ่มแก่พวกเขานอกจากความดื้อรั้น เพราะว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการนั้นมีจุดประสงค์เพื่อมิให้สามารถที่จะตอบได้และมิใช่เพื่อต้องการความจริง
3. การบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ท่านเราะซูล ได้เล่าเรื่องราวต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันมากมาย แล้วได้เกิดขึ้นจริงตามที่ท่านเราะซูล ได้บอกไว้ แต่จะกล่าวถึงบางเรื่องดังต่อไปนี้ ;
3.1 ท่านเราะซูล ได้บอกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากการพิชิต ครอบครองหัวเมืองต่างๆด้วยความสามารถของมุสลิม หลังจากที่ท่านได้จากโลกนี้ไปแล้ว อาทิเช่น การพิชิตหัวเมืองเปอร์เซียประเทศชาม ประเทศอียิปต์และประเทศอื่นๆ
ดังที่ท่านเราะซูล ได้กล่าวไว้ว่า :
إِذَا هَلَكَ كِسْرَى فَلاَ كِسْرَى بَعْدَهُ وَإِذَا هَلَكَ قَيْصَرُ فَلاَ قَيْصَرَ بَعْدَهُ وَالَّذِي نَفْسِي بِيَدِهِ لَتُنْفَقَنَّ كُنُوزُهُمَا فِي سَبِيلِ اللَّهِ
“กษัตริย์กิสรออฺได้พินาศ และจะไม่มีกษัตริย์กิสรออฺ อีกหลังจากที่เขาได้ตายไปแล้ว และกษัตริย์กอยศ็อรก็จะพินาศ หลังจากนั้นก็จะไม่มีกษัตริย์กอยศ็อรอีกหลังจากที่เขาได้ตายไปแล้ว และคลังสมบัติของเขาทั้งสองก็จะต้องถูกแบ่งไปในหนทางของอัลลอฮ์ อย่างแน่นอน” (*2*)
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้เกิดขึ้นจริงแล้ว
3.2 คำพูดของท่านเราะซูล แก่ท่านฮะซันซึ่งเป็นบุตรของท่านอะลี ร่อฏิลอฮุอันฮุมา ว่า :
ابْنِي هَذَا سَيِّدٌ وَلَعَلَّ اللَّهَ أَنْ يُصْلِحَ بِهِ بَيْنَ فِئَتَيْنِ مِنْ الْمُسْلِمِينَ
“แท้จริงหลานชายของฉันนี้จะต้องเป็นนาย และฉันหวังว่าพระองค์ อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงให้เขาทำการประนีประนอมกับกลุ่มชนใหญ่ๆที่เป็นมุสลิมสองกลุ่ม” (*3*)
เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นในปี “ญะมาอะฮ” ฮ.ศ. ที่ 41 ขณะที่ท่านฮะซันร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้สละตำแหน่งให้กับท่านมุอาวิยะฮ์ บุตรของอบีซุฟยาน ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ
3.3 การงานที่ท่านเราะซูล ได้บอกว่าจะเกิดขึ้น แต่ทว่ามันยังไม่ได้เกิดขึ้นและมันจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ท่านเราะซูล กล่าวไว้ว่า :
لاَ تَقُومُ السَّاعَةُ حَتَّى تُقَاتِلُوا الْيَهُودَ حَتَّى يَقُولَ الْحَجَرُ وَرَاءَهُ الْيَهُودِيُّ يَا مُسْلِمُ هَذَا يَهُودِيٌّ وَرَائِي فَاقْتُلْهُ
“วันกิยามะฮนั้นจะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่ามุสลิมีนจะฆ่ายะฮูดีย์ จนกระทั่งคนที่เป็นยะฮูดีแอบอยู่ข้างหลังโขดหิน โขดหินก็จะกล่าวว่า โอ้มุสลิมพวกยิวอยู่ข้างหลังฉัน มาเถิด จงมาฆ่าเขาเถิด” (*4*)
4. การเพิ่มขึ้นของอาหารและเครื่องดื่ม
ได้เกิดปฏิหาริย์ขึ้นจากอาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้นหลายครั้ง ขณะที่ท่านเราะซูล ได้ให้บรรดาซอฮาบะฮ์ มารับประทานอาหาร แต่อาหารนั้นมีจำนวนไม่เพียงพอ จำกัดประมาณเพียงสิบคน ท่านเราะซูล ได้วางมือของท่าน หรือพ่นน้ำลาย(แผ่วๆ)ไปที่อาหารนั้น จากนั้นท่านได้ขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เพื่อให้อาหารนั้นมี(บะรอกะฮ์) ศิริมงคล จากนั้นทหารทั้งกองทัพได้กินกันอย่างถ้วนหน้า และอาหารนั้นกลับไม่พร่องหรือลดลงเลย เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นในสงครามคอนดัก ขณะที่ญาบิร บินอับดิลลาฮ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้เชิญท่านเราะซูล ให้มารับประทานอาหารที่บ้าน(*5*) ของญาบิร บินอับดิลลาฮ และเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกครั้ง เมื่อท่านอบูฏอลฮะฮ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้เชิญท่านเราะซูล ให้ไปรับประทานอาหารที่บ้านของเขา จึงมีเหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีก
การทำให้น้ำมีมากมายในสงคราม ขณะที่ท่านเราะซูล ออกรบ และในช่วงการเดินทางของท่านเราะซูล กับบรรดาซอฮาบะฮของท่าน ขณะที่พวกเขาเกิดการกระหายน้ำอย่างรุนแรงและพวกเขาคลาดแคลนน้ำ ดังนั้นน้ำเล็กน้อยที่อยู่ในภาชนะได้ถูกนำมาให้ท่าน ท่านเราะซูล ได้ขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และได้อาบน้ำละหมาดจากน้ำอันเล็กน้อยนั้น และหลังจากนั้นบรรดาซอฮาบะฮ จึงได้อาบน้ำละหมาดและดื่มน้ำต่อจากท่าน และน้ำก็ยังคงอยู่ในสภาพเดิม
5. การพูดของสิ่งที่ไม่มีชีวิตกับท่านเราะซูล
ส่วนหนึ่งจากสิ่งที่เป็นปฏิหาริย์กับท่านเราะซูล คือต้นไม้บางต้นและก้อนหินต่างๆ ฯลฯ ได้พูดกับท่าน และ เหตุการณ์อื่นๆอีกมากมาย
ท่านเราะซูล กล่าวว่า :
قال رسول الله صلى الله عليه وسلم
إني لأعرف حجرا بمكة كان يسلم علي قبل أن أبعث إني لأعرفه الآن وجاء أعرابي إلى الرسول صلى الله عليه وسلم فقال له الرسول أتشهد أن لا إله إلا الله وحده لا شريك له وأن محمدا عبده ورسوله قال أعرابي من يشهد على ما تقول قال هده السلمة … وهي نوع من الشجر… فدعاها الرسول صلى الله عليه وسلم فأقبلت حتى قامت بين يديه فاستشهدها ثلاثا فشهدت ثم رجعت إلى منبتها
“แท้จริง ฉันจำได้ว่าก้อนหินก้อนหนึ่งที่อยู่ที่นครมักกะฮ์มันเคยให้สลามแก่ฉันก่อนที่ฉันจะเป็นนะบี และตอนนี้ฉันก็จำได้ว่าก้อนไหน” (*6*)
มีอาหรับชนบทได้มาหาท่านเราะซูล ท่านได้กล่าวแก่เขาว่า ท่านจะปฏิญาณตนว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์เพียงองค์เดียว และจะไม่ตั้งภาคีต่อพระองค์ และแท้จริง มุฮัมมัดเป็นบ่าวของพระองค์และเป็นศาสนทูตของพระองค์ อาหรับชนบทผู้นั้นได้กล่าวว่า ใครเล่าจะปฏิญาณตนตามที่ท่านกล่าว ท่านเราะซูล กล่าวว่า “อัสซัลละมะฮ์” (เป็นต้นไม้ชนิดหนึ่ง) นี่แหละที่จะกล่าว ท่านเราะซูล จึงเรียกต้นไม้ต้นนั้นมา ต้นไม้นั้นได้มาหยุดอยู่ข้างหน้าท่านเราะซูล และต้นไม้ได้กล่าวคำปฏิญาณตนถึงสามครั้ง หลังจากนั้นมันก็กลับไปยังที่มันมา” (*7*)
ดร.อัดุลลอฮฺ อิบนุ อับดิรเราะฮ์มาน อัลค็อรอาน