ภาพอันน่าเศร้าใจพี่น้องมุสลิมต่างถิ่น เดินทางไปสถานที่ละหมาดจ.แพร่ พบล็อคกุญแจ ต้องละหมาดบนฟุตบาท ทายาทผู้ทำมรดกยกที่ดินให้เป็นสถานที่ละหมาด-กุโบร์ ระบุเศร้าใจกับภาพที่เกิดขึ้น
วันที่ 8 ธันวาคม ที่หน้าสุสานมุสลิมจ.แพร่ ได้มีนักท่องเที่ยวมุสลิมกลุ่มหนึ่งที่เดินทางไปเที่ยวภาคเหนือได้รวมตัวละหมาดบนฟุตบาท หน้ากุโบร์ที่ถูกล็อคกุญแจห้ามเข้า
นักท่อวเที่ยวกลุ่มนี้ ได้ค้นหาผ่านกูเกิ้ลแมพ เจอสถานที่ละหมาด ประกอบกับเห็นป้ายชี้ทิศทางไปยังสถานที่ละหมาด จึงได้เดินทางไปยังสถานที่ดังกล่าว พบสถานที่ละหมาดถูกปิดกุญแจ จึงได้ละหมาดกันหน้าฟุตบาท
บริเวณสุสานมุสลิมจ.แพร่ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มีสถานที่ฝังศพ และสถานที่ละหมาดซึ่งมุสลิมจ.แพร่และนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านไปใช้เป็นสถานที่ละหมาด ต่อมาอิหม่ามประจำมัสยิดเด่นชัย เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ล็อคประตูห้ามเข้าไปละหมาด
นายอภิชาติ อุดม เลขานุการคณะกรรมการอิสลามประจำมัสยิดฮารูณ ระบุว่า เป็นทายาทของผู้ที่ทำพินัยกรรมยกที่ดินผืนนี้ให้ทางมัสยิดเด่นชัยดูแล เมื่อเห็นภาพนี้รู้สึกสะเทือนใจมาก
‘พ่อผมให้ความสำคัญกับที่ดินผืนนี้มาก ท่านได้รับอามานะฮ์ ให้ดูแลที่ดินผืนนี้ต่อจากปู่และอาของผม ซึ่งล้วนเป็นที่ไว้วางใจจากพี่น้องมุสลิมจังหวัดแพร่ และท่านได้ดูแลมาหลายสิบปี เมื่อท่านเกษียรอายุราชการ เมื่อปีพ.ศ 2528 ท่านได้สร้างบาแลขึ้นเพื่อให้พี่น้องมุสลิมจังหวัดแพร่ และพี่น้องมุสลิมที่เดินทางสัญจรผ่านไปมา เพื่อใช้ประกอบศาสนกิจประจำวัน ด้วยความเป็นห่วง จึงได้ทำพินัยกรรมขึ้นไว้ และพี่น้องมุสลิมโดยทั่วไปได้ใช้ประกอบศาสนกิจมาตลอด’ นายอภิชาติ กล่าว
นายอภิชาติ กล้าวว่า เมื่อทราบว่าได้มีการปิดมัสยิดไม่ให้ผู้คนได้เข้าไปประกอบศาสนกิจ ก็ได้เดินทางไปเด่นชัยเข้าพบอิหม่ามหลังละหมาดซุบฮิและได้ตักเตือนในฐานะพี่ชายเตือนน้องแต่ไม่ประสบความสำเร็จ อิสลามสอนให้มีการตักเตือนซึ่งกันและกัน และตนก็ได้พยายามแล้ว
‘ต่อมาได้มีผู้ทุบทำลายบาแลที่พ่อสร้างไว้โดยปราศจากคนรับผิดชอบ ผมยังคงต้องพยายามต่อไป เพื่อให้พี่น้องมุสลิมชาวแพร่ และผู้เดินทางสัญจรผ่านไปยังแพร่ น่าน พะเยา เชียงราย ได้ใช้ประกอบศาสนกิจ ตามเจตนารมณ์ของพ่อผมที่ได้เขียนให้กับครอบครัวไว้ในพินัยกรรม’ นายอภิชาติ ทายาทผู้เขียนพินัยกรรม กล่าว