ปฏิกริยาจากทั่วโลก กรณีสหรัฐฯถล่มอิหร่าน ยุโรปยังเอียงเข้าข้างอิสราเอล

ประมวลปฏิกริยาจากผู้นำและผู้มีบทบาทสำคัญจากประเทศต่าง ๆ ที่มีต่อการถล่มอิหร่าน โดยสหรัฐฯ+อิสราเอล

รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน อับบาส อารักชี, ON X:

“สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ได้ละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายระหว่างประเทศ และสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์อย่างร้ายแรง ด้วยการโจมตีฐานทัพนิวเคลียร์เพื่อสันติภาพของอิหร่าน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเช้าวันนี้ถือเป็นเรื่องอื้อฉาวและจะส่งผลกระทบอย่างถาวร สมาชิกทุกคนของสหประชาชาติต้องตื่นตัวต่อพฤติกรรมที่อันตรายอย่างยิ่ง ไร้กฎหมาย และเป็นอาชญากรรมนี้

ตามกฎบัตรสหประชาชาติและบทบัญญัติที่อนุญาตให้ตอบโต้โดยชอบธรรมเพื่อป้องกันตนเอง อิหร่านสงวนทางเลือกทั้งหมดเพื่อปกป้องอำนาจอธิปไตย ผลประโยชน์ และประชาชนของตน”

เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป, ON X:

อิหร่านไม่ควรครอบครองระเบิดนี้เด็ดขาด

เมื่อความตึงเครียดในตะวันออกกลางเพิ่มสูงขึ้น เสถียรภาพต้องเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และการเคารพกฎหมายระหว่างประเทศก็เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง

ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่อิหร่านต้องดำเนินการหาทางแก้ปัญหาทางการทูตที่น่าเชื่อถือ โต๊ะเจรจาคือที่เดียวที่จะยุติวิกฤตินี้ได้

ดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานสภาความมั่นคงแห่งรัสเซีย กล่าวทาง Telegram:

ทรัมป์ที่เข้ามาเป็นประธานาธิบดีผู้สร้างสันติภาพได้เริ่มสงครามครั้งใหม่ให้กับสหรัฐอเมริกา

ด้วยความสำเร็จแบบนี้ ทรัมป์คงไม่ได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ

รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌอง-โนเอล บาร์รอต

ฝรั่งเศสเชื่อมั่นว่าการแก้ไขปัญหานี้อย่างยั่งยืน ต้องอาศัยการเจรจาร่วมกันภายในกรอบสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์

นายกรัฐมนตรีอังกฤษ คีร์ สตาร์เมอร์:

โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความมั่นคงระหว่างประเทศ อิหร่านไม่ควรได้รับอนุญาตให้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และสหรัฐฯ ได้ดำเนินการเพื่อบรรเทาภัยคุกคามดังกล่าวแล้ว

สถานการณ์ในตะวันออกกลางยังคงไม่มั่นคง และเสถียรภาพในภูมิภาคเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เราเรียกร้องให้อิหร่านกลับมาที่โต๊ะเจรจาและหาทางแก้ไขทางการทูตเพื่อยุติวิกฤตินี้

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รายงานต่อสำนักข่าวของรัฐ:

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อความตึงเครียดที่ยังคงดำเนินอยู่ในภูมิภาคนี้และการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน และเรียกร้องให้ยุติความตึงเครียดดังกล่าวโดยทันที เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อันตรายและความไม่มั่นคงในระดับใหม่

กระทรวงการต่างประเทศขอเรียกร้องให้สหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงรับผิดชอบโดยทำงานอย่างขยันขันแข็งในการแก้ไขปัญหาเรื้อรังในภูมิภาค ซึ่งขณะนี้ตกอยู่ในความเสี่ยงและกลายเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงและเสถียรภาพในภูมิภาคและระหว่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ

กระทรวงต่างประเทศกาตาร์, แถลงผ่าน X:

รัฐกาตาร์เสียใจต่อสถานการณ์ที่เลวร้ายลงอันเนื่องมาจากการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน และกำลังติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านซึ่งเป็นประเทศพี่น้องกันเมื่อเร็วๆ นี้ด้วยความกังวลอย่างยิ่ง

กระทรวงการต่างประเทศเตือน ความตึงเครียดอันตรายที่เกิดขึ้นในภูมิภาคขณะนี้ จะส่งผลสะเทือนร้ายแรงต่อทั้งภูมิภาคและนานาชาติ

นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชิเงรุ อิชิบะ ถึงผู้สื่อข่าว:

สิ่งสำคัญคือต้องลดระดับความขัดแย้งลงอย่างรวดเร็ว เรากำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วยความกังวลอย่างยิ่ง

รัฐมนตรีต่างประเทศอิตาลี อันโตนิโอ ทาจานี กล่าวต่อสถานีวิทยุกระจายเสียงของรัฐ:

ขณะนี้เราหวังว่าหลังจากการโจมตีครั้งนี้ ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ และถือเป็นภัยคุกคามต่อภูมิภาคทั้งหมด การผ่อนคลายความตึงเครียดจะสามารถเริ่มต้นได้ และอิหร่านจะสามารถนั่งลงที่โต๊ะเจรจาได้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศนิวซีแลนด์ วินสตัน ปีเตอร์ส:

เราตระหนักถึงพัฒนาการที่เกิดขึ้นในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการประกาศของประธานาธิบดีทรัมป์ว่าสหรัฐฯ จะโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ในอิหร่าน

การดำเนินการทางทหารที่ดำเนินอยู่ในตะวันออกกลางนั้นน่ากังวลอย่างยิ่ง และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหลีกเลี่ยงการเพิ่มความรุนแรงต่อไป

นิวซีแลนด์สนับสนุนความพยายามในการทูตอย่างเต็มที่ เราเรียกร้องให้ทุกฝ่ายกลับมาเจรจากันอีกครั้ง การทูตจะนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืนมากกว่าการดำเนินการทางทหารเพิ่มเติม

โฆษกรัฐบาลออสเตรเลีย แถลงการณ์:

เราชี้แจงอย่างชัดเจนแล้วว่าโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธพิสัยไกลของอิหร่านเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ

เรารับทราบถ้อยแถลงของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ว่าขณะนี้เป็นเวลาแห่งสันติภาพ สถานการณ์ความมั่นคงในภูมิภาคมีความผันผวนสูง

เรายังคงเรียกร้องให้ลดความตึงเครียด เจรจา และทำการทูต”

กระทรวงต่างประเทศเม็กซิโก ผ้่าน X:

“กระทรวงฯ เรียกร้องอย่างเร่งด่วนให้มีการเจรจาทางการทูตเพื่อสันติภาพระหว่างฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในความขัดแย้งในตะวันออกกลาง

เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการนโยบายต่างประเทศตามรัฐธรรมนูญของเราและความเชื่อมั่นในสันติภาพของประเทศ เราขอเน้นย้ำคำเรียกร้องให้ลดความตึงเครียดในภูมิภาคนี้

นายอีวาน กิล รัฐมนตรีต่างประเทศเวเนซุเอลา กล่าวทาง Telegram:

เวเนซุเอลาประณามการรุกรานทางทหารของสหรัฐฯ ต่ออิหร่าน และเรียกร้องให้ยุติการสู้รบโดยทันที

สาธารณรัฐโบลิวาร์แห่งเวเนซุเอลาประณามอย่างหนักแน่นและเด็ดขาดต่อเหตุระเบิดที่กองทัพสหรัฐฯ ก่อขึ้นต่อโรงงานนิวเคลียร์ในอิหร่าน

ประธานาธิบดีคิวบา มิเกล ดิอาซ-คาเนล

เราขอประณามอย่างรุนแรงต่อการที่สหรัฐฯ ทิ้งระเบิดโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งในตะวันออกกลางอย่างอันตราย

การรุกรานดังกล่าวละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และทำให้มนุษยชาติเข้าสู่วิกฤตที่ไม่อาจย้อนกลับได้

ดร.ปกรณ์ ปรียากร ถอดความจากหารรวบรวมโดย เจมี่ ฟรีด:
เรียบเรียงโดย วิลเลียม มัลลาร์ด, เฮเลน ป็อปเปอร์ และ เบอร์นาเด็ต บอม สำนักข่าวรอยเตอร์