ประธานกอจ.สุราษฎร์ดันโครงการ ‘มัสยิดมือบน’ ให้องค์กรศาสนาเป็นที่พึ่งของชาวบ้าน

ประธานกอจ.สุราษฎร์ดันโครงการ ‘มัสยิดมือบน’ ให้องค์กรศาสนาเป็นที่พึ่งของชาวบ้าน สนับสนุนมัสยิดจัเดซื้อที่ดินสวนปาล์ม เพื่อให้มีรายได้่ที่ยั่งยืน

วันที่ 29 มิถุนายน มัสยิดนูรุดดีนอิสลาม บ้านท่ากระจาย อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ได้จัดงานรวมน้ำใจสู่มัสยิดนูรุดดีนอิสลาม เพื่อหารายได้ซื้อดินวะกัฟเพื่อกิจการจของมัสยิด มีนายธงชัย ปิติเศรษฐ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในพิธี

ทั้งนี้ มัสยิดนูรุดดีนอิสลาม ได้จัดซื้อที่ดินสวนปาล์มจำนวน 7 ไร่ มูลค่า 1.75 ล้านบาท โดยมีสถาบันการเงินอิสลามสุราษฎร์ธานี บ้านพุมเรียงให้การสนับสนุนทางการเงินในเบื้องต้น และมัสยิดจะผ่อนจ่ายในภายหลัง ซึ่งการจัดงานก็เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับที่ดินวะกัฟและค่าใช้จ่ายสำหรับมัสยิด

นายอนันต์ หยังสู รองประธานกอจ.สุราษฎร์ฯ และผู้จัดการสถาบันการเงินอิสลามสุราษฎร์ฯ กล่าวว่า มัสยิดได้จัดซื้อที่ดิน ซึ่งเป็นสวนปาล์มแล้ว การจัดงานก็เพื่อหารายได้จ่ายเป็นค่าที่ดิน ซึ่งการจัดซื้อที่ดินสวนปาล์มของมัสยิดเป็นโครงการที่ดร.ธงชัย ประธานกอจ.สุราษฎร์ฯต้องการดำเนินการให้ประสบความสำเร็จตามนโยบายมัสยิดมือบน มัสยิดมีรายได้ พึ่งพาตัวเองได้ ซึ่งประธานกอจ.ต้องการดำเนินการให้ครบทั้ง 52 มัสยิด แต่ก็ขึ้นอยู่กับมัสยิดว่า จะร่วมมือหรือไม่
https://vt.tiktok.com/ZSBLqPKnL/

ด้านนายณัฐวุฒิ สันหลี รองประธานกอจ.สุราษฎร์ฯ และอิหม่ามมัสยิดมูฮัมมะดียะห์ บ้านดอนม่วง อ.ท่าชนะ มัสยิดแรกที่ดำเนินโครงการมัสยิดมือบน โดยกู้เงินจากจากสถาบยันการเงินอิสลามสุราษฎร์ฯบ้านพุมเรียง มาซื้อสวนปาล์ม และจัดงานหารายได้จ่ายเงินคืนสถาบันฯ ทำให้มัสยิดมีรายได้จากสวนปาล์มเดือนละ ประมาณ 50,000 บาท ได้กล่าวว่า มัสยิดเล็งเห็นว่า การจัดซื้อที่ดินวะกัฟ เป็นการทำบุญที่ถาวร ผู้วะกัฟมีได้รับผลบุญ ตั้งแต่การวะกัฟ และรายได้จากที่ดินวะกัฟก็จะให้ผลบุญแก่ผุ้วะกัฟตลอดไป แม้ว่า จะเสียชีวิตไปแล้วก็ตามจนถึงวันกียามัต ส่วนมัสยิดก็จะมีรายได้ที่ยั่งยืน

ส่วนประธานกอจ.สุราษฎร์ธานี ธงชัย ปิติเศรษฐ กล่าวว่า ที่ดำเนินโครงการมัสยิดมือบน เพื่อต้องการให้มัสยิดยืนบนลำแข้งของตัวเองได้ และได้ช่วยเหลือชุมชน จ่ายค่าน้ำค่าไฟ ครูสอนฟัรดูอีน สอนอัลกุรอ่าน หรืออาจจะช่วยสังคมด้านอื่นๆ ไม่ต้องจัดงานเพื่อระดมทุนเป็นประจำทุกปี ไม่ต้องรบกวนพวกเรา

‘มัสยิดเป็นศูนย์กลางของชุมชน ที่ผ่านมามัสยิดต้องรับการช่วยเหลือจากชุมชน เราก็๋จะทำให้มัสยิดเข้มแข็ง ยืนอยู่ได้ด้วยตนเอง และช่วยเหลือชุมชน จะได้ดูแลชุมชนได้อย่างเต็มที่ในเรื่องการศึกษาศาสนา ก็หวังว่า จะมีมัสยิดเข้าร่วมโครงการให้มาก สังคมก็จะพัฒนาไปอีกรูปแบบหนึ่ง ขอให้เพวกเราช่วยกันสนับสนุน ในช่วงแรกอาจจะต้องพึ่งพาพวกเราให้ช่วยกันบริอจาคทรัพย์ฺวะกัฟ เมื่อมัสยิดยืนอยู่ได้แล้ว ก็จะกลับมาช่วยสังคม เพื่อการศึกษาของเยาวชนของเรา ที่เราจะตัองให้ความสำคัญกับการศึกษาศาสนาในตอนวัยเด็ก ให้มีพื้นฐานศาสนา ที่สามารถนำไปใช้ปฏิบัติในอนาคต เพื่อโลกนี้และโลกหน้า’ ประธานกอจ.สุราษฎร์ธานี กล่าว