ฮุนเซน’จอมเผด็จการ’ ผู้สร้างภาพวีรบุรุษ

Photos from the WTO Aid for Trade Global Review 2019 photo gallery may be reproduced provided attribution is given to the WTO and the WTO is informed. Photos: © WTO/Jay Louvion

‘มีหลักฐานว่าเขาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการอพยพประชาชนออกจากเมืองหลวง การกวาดล้างปัญญาชน และการจับกุม “ผู้มีการศึกษา” รวมถึงการส่งคนเข้า “คุกตวนแสลง” ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของความโหดร้ายในยุคเขมรแดง’

ฮุน เซน เกิดเมื่อปี 1952 ในครอบครัวชาวนาแถบจังหวัดกำปงจาม (Kampong Cham) ครอบครัวยากจนแต่มีความทะเยอทะยาน เขาถูกส่งไปเรียนในพนมเปญตอนเป็นวัยรุ่น เพื่อให้พ้นจากความลำบากและหาโอกาสใหม่

แต่เด็กหนุ่มกลับไม่ตั้งใจเรียน เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนกลางคัน แล้วก็หายเข้าป่าไปพร้อมปืนกับความเชื่อแบบสุดโต่งของกลุ่มคอมมิวนิสต์ยุคสงครามเย็น

🔥 เข้าร่วม “กองโจรคอมมิวนิสต์” – มือปราบประชาชนของเขมรแดง

ปี 1970 ฮุน เซนวัย 18 ปี เข้าร่วมกับกองโจรคอมมิวนิสต์กัมพูชา ซึ่งต่อมาเรารู้จักกันในชื่อ “เขมรแดง” หรือ Khmer Rouge

เขาไต่เต้าจากพลทหารธรรมดา จนได้เป็น “ผู้บัญชาการหน่วยรบ” มีส่วนในการโจมตีรัฐบาลลอนนอล และร่วมยึดกรุงพนมเปญในปี 1975

🔥 จุดเปลี่ยน: จากทหารหนุ่ม…สู่ “มือเปื้อนเลือด”

เมื่อพลพตผงาดขึ้นในปี 1975 “ฮุนเซน“ ขณะนั้นเป็น ผู้บัญชาการกรมทหารที่ 21 ในเขตตะวันออกของประเทศ เขามีบทบาทสำคัญในการควบคุมและกวาดล้างประชาชนที่ถูกมองว่า “ไม่บริสุทธิ์” ตามคำสั่งพรรค

มีหลักฐานว่าเขาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการอพยพประชาชนออกจากเมืองหลวง การกวาดล้างปัญญาชน และการจับกุม “ผู้มีการศึกษา” รวมถึงการส่งคนเข้า “คุกตวนแสลง” ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของความโหดร้ายในยุคเขมรแดง— เขาคือคนของระบอบพลพตเต็มตัว!

แต่ในปี 1977 ความหวาดระแวงของพลพต เริ่มหันมาทางตะวันออก คนที่เคยเป็นผู้บัญชาการก็ถูกลากไปสอบสวนและฆ่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงถูก “อุ้ม” หายตัวทีละราย ฮุนเซนเข้าใจในทันทีว่า…

❝ เขาอาจเป็นรายต่อไป… ❞

🏃 หลบหนีข้ามพรมแดน – เดิมพันชีวิตครั้งใหญ่

ในเดือนมิถุนายน 1977 — ฮุน เซนหลบหนีออกจากกัมพูชาผ่านพรมแดนฝั่งตะวันออก ตรงเข้าสู่เวียดนาม ท่ามกลางความเสี่ยงว่าจะถูกสังหารหรือจับได้ระหว่างทาง

เขาไม่ได้หนีคนเดียว — แต่หนีไปพร้อมกับทหารบางส่วนที่ภักดีต่อเขา และหนึ่งในนั้นคือ เฮง สัมริน (Heng Samrin) ที่ต่อมาเป็นผู้นำประเทศอีกคนหลังเขา

พวกเขาถูกจัดให้เข้าอยู่ใน “ค่ายผู้ลี้ภัย” ที่เวียดนาม ซึ่งเต็มไปด้วยคนที่เคยหนีตายจาก ระบอบเขมรแดง ฮุนเซนจึงทำสิ่งที่คนเขมรแดงถือว่าเลวทรามที่สุด เขาหนีไปขายข้อมูลให้เวียดนาม

🕵️ การเปลี่ยนฝั่ง: จากเหยื่อ…สู่พันธมิตรเวียดนาม

หลังจากเวียดนามได้รับการตรวจสอบแล้วว่าไม่ได้เป็นสายลับของพลพต ฮุนเซนจึงได้รับการดูแลอย่างลับๆ จากกองทัพเวียดนาม เวียดนามเองก็เริ่มมีแผนจะ โค่นเขมรแดง เพราะพลพตเคยส่งกองกำลังโจมตีชายแดนเวียดนามหลายครั้ง

ฮุน เซนจึงกลายเป็น กุญแจสำคัญ ของแผนนี้
เพราะเขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขมรแดง — ตั้งแต่เส้นทางลับ แผนที่ ไปจนถึงโครงสร้างการบัญชาการ!

เวียดนามยอมช่วยฮุนเซนแลกกับการทรยศแผ่นดินแม่ หลายคนมองเขาเป็น “สายลับ” หรือ “หุ่นเชิด” ที่เวียดนามตั้งใจดันขึ้นมา เพื่อโค่นเขมรแดง

👑 จากคนทรยศ… สู่ผู้นำ

ในปี 1978 เวียดนามและกลุ่มอดีตเขมรแดงที่ลี้ภัย นำโดยฮุนเซน, เฮง สัมริน และพวกพ้อง ได้จัดตั้ง “แนวร่วมกู้ชาติกัมพูชา” (KUFNS) เพื่อโค่นล้มระบอบพล พต

ปลายปี 1978 ฮุนเซนกลับมาพร้อมกองทัพเวียดนามกว่า 200,000 นาย เขานำการรุกรานกัมพูชาเพื่อ “ปลดปล่อย” ประชาชนจากเขมรแดง

และในต้นปี 1979 พนมเปญก็ล่มสลายอีกครั้ง พลพตหนีตายไปตั้งฐานในป่า พนมเปญก็ถูกยึดได้ และรัฐบาลหุ่นเชิดของเวียดนามก็ถือกำเนิดขึ้น

🇻🇳 จากหุ่นเชิด… สู่ผู้เชิดเกม

ปี 1979 — หลังเวียดนามโค่นเขมรแดง ฮุน เซนซึ่งเป็นอดีตคอมมิวนิสต์ผู้แปรพักตร์ กลับสู่กัมพูชาพร้อมกับทหารเวียดนามและรัฐบาลหุ่นเชิด

เขาไม่ได้ถูกมองเป็น “ผู้ทรยศ” แต่กลับกลายเป็นความหวังใหม่ของประเทศที่เพิ่งผ่านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

ตอนนั้น ฮุนเซนอายุเพียง 27 ปี — แต่ถูกแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ของรัฐบาล “สาธารณรัฐประชาชนกัมพูชา” (PRK)

เวียดนามไว้ใจเขา เพราะเขาพูดภาษาเวียดนามได้และภักดีต่อฮานอย ประชาชนบางส่วนไว้ใจเขาเพราะเขาดูเป็นอดีตเหยื่อของพลพต

แต่ความจริงคือ… ฮุนเซนเป็น “อดีตผู้ร่วมฆ่า” และ “คนกลางที่รู้ทุกอย่าง” เขาไม่เคยขอโทษและไม่เคยพูดถึงบทบาทตัวเองในยุคฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

จนในปี 1985 ขณะอายุเพียง 33 ปีเขากลายเป็นนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ตอนนั้นโลกตะวันตกยังไม่ยอมรับรัฐบาลเวียดนาม จึงมองฮุนเซนเป็นแค่หุ่นเชิดของฮานอย

แต่ใครจะคิด… ว่าหุ่นเชิดคนนี้ จะกลายเป็น “เผด็จการยาวนานที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ในเวลาไม่นาน

🩸 การปกครองที่ล้อมรอบด้วย “ศพ”

ฮุน เซนไม่เคยแค่ปราบศัตรู แต่เขาทำให้หายไปจากสาระบบ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักข่าว ฝ่ายค้าน หรือประชาชนธรรมดา ถ้าคิดต่าง คุณคือ “ศัตรูรัฐ” ทุกครั้งที่เกิดแรงต้านจะมีคนหาย ทุกครั้งที่มีข่าวฉาวจะมีคนตา**

เขาไม่เคยพูดว่าเขาเป็นเผด็จการ เพราะเขาไม่จำเป็นต้องพูดคนทั้งประเทศรู้สึกได้ด้วยความกลัว มีหลายเหตุการณ์ในประเทศที่คนรู้ได้ นักข่าวถูกยิงตายหน้าบ้านกลางวันแสก ๆ ,ผู้นำฝ่ายค้านถูกจับ หรือหายตัวไปแบบไม่มีร่องรอย ควบคุมสื่อทั้งประเทศ การเลือกตั้งมีทุก 5 ปีแต่เขาชนะ “แบบไร้คู่แข่ง”

ฮุนเซนสร้างรัฐธรรมนูญใหม่ มีสภา มีเลือกตั้ง มีพรรคการเมืองแต่ทั้งหมดคือ “ละครฉากใหญ่”
เพื่อให้ต่างชาติเข้าใจผิดว่า กัมพูชาเป็นประชาธิปไตย แต่ความจริงคือผู้ชนะ… คือคนเดิมเสมอ

จากผู้นำคอมมิวนิสต์ เขากลายเป็นผู้นำเครือข่ายที่ล้อมรอบด้วย กองทัพ ศาล ตำรวจ พรรคพวก และนักธุรกิจ ในประเทศนี้

ฮุนเซนปกครองประเทศ… เหมือนเป็นสมบัติส่วนตัวเขาไม่ใช่แค่ผู้มีอำนาจ แต่สร้างตัวเองให้เป็นระบบอำนาจถ้าคุณคิดจะล้มเขา ก็เตรียมใจไว้ว่าคุณอาจจะ “ไม่ได้ตื่นมาอีกเลย”

🧠ใช้การศึกษาเปลี่ยนความคิดคน

หนึ่งในอาวุธลับของฮุนเซนคือ การล้างความทรงจำในยุคเขมรแดง เขียนประวัติศาสตร์ใหม่ใส่ในตำราเรียนให้ตัวเองเป็น “ผู้ปลดปล่อย” ทั้งที่ในอดีตเขาคือหนึ่งในผู้สังหาร ตำราเรียนพูดถึงยุคเขมรแดงแบบเบา ๆ แต่ใส่ชื่อฮุนเซนไว้ในฐานะฮีโร่

เด็ก ๆ ที่เกิดหลังสงครามไม่รู้ว่ามีอะไรถูกลบออกไป สื่อพูดเหมือนกัน ครูสอนเหมือนกัน เมื่อทั้งประเทศเชื่อเหมือนกันความจริงก็ถูกฝังลึกลงดิน ฮุนเซนไม่ต้องใช้กระสุนแค่ใช้ “หนังสือเรียน” ก็ครองประเทศได้แล้ว

🧳 เมื่อถึงเวลายกบัลลังก์

ในปี 2023 ฮุน เซนประกาศ ลงจากตำแหน่งนายกฯ แต่ไม่ได้ลาออกจากอำนาจ เขาแค่ส่งไม้ต่อให้ลูกชายคือ ฮุน มาแนต (Hun Manet)
อดีตทหารจบจากเวสต์พอยต์ สหรัฐฯ แต่จงรักภักดีต่อระบบพ่อ กัมพูชาเหมือนถูกปกครองโดย “ราชวงศ์ที่ไม่มีมงกุฎ” ประชาชนไม่ได้เลือก แต่ก็ไม่มีทางเลือก

🇹🇭 และเมื่อไทย… กลายเป็นศัตรู

ย้อนกลับไปเมื่อเขมรแดงล่มในปี 1979 ประชาชนชาวกัมพูชาเกือบล้านชีวิต หนีตา* เข้ามาพึ่งใบบุญประเทศไทย หลายคนได้รับอาหาร ยา และที่พักจากชาวไทย แม้ไทยเองจะลำบากแต่ก็ยอมช่วย

แต่ในปี 2025 นี้เอง เขมรกลับเปิดฉากยิงใส่ไทยก่อน บริเวณชายแดน จ.สระแก้วมีทหารไทยบาดเจ็บและเสียชีวิต

รัฐบาลฮุน มาแนต อ้างว่าไทยบุกรุกดินแดน ทั้งที่ความจริงคือ กองกำลังเขมรยิงก่อนแบบไม่มีสัญญาณเตือน

ประชาชนไทยจำนวนมากรู้สึก “เสียใจ” และ “โกรธแค้น” เพราะเคยช่วยไว้ยามยาก แต่วันนี้กลับโดนแทงข้างหลัง บางคนถึงกับถามว่า:

“เราช่วยเขารอดตาย… แต่สุดท้ายเขากลับเขียนเราเป็นศัตรูในประวัติศาสตร์ และยังแทงข้างหลังเมื่อมีโอกาสเสมอ

🕵️‍♂️ บทความเรียบเรียงโดยนายชะมด Malakit Shikiri ฝากแชร์ให้ทุกคนได้อ่าน ถ้าคุณชอบเรื่องแปลกที่คุณอาจยังไม่เคยรู้ กดติดตามนายชะมดไว้แล้วเราจะหามาเล่าให้ฟัง