400 ปีมัสยิด ต.ชะไว อ.ไชโย จ.อ่างทอง ได้มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย โดยการทำงานของที่ดินจังหวัดอ่างทอง ที่มีนายประภัสร์ รื่นภาคเพ็ชร เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด
เมื่อประมาณ 400 ปีก่อน โต๊ะกีไว ได้อพยพมาจากกรือเซะ เข้ามายังกรุงศรีอยุธยา ได้ไม่ได้ตั้งถิ่นฐาน ที่พระนครศรีอยุธยา แต่ได้นั่งเรือเลยจนถึง ต.ชะไว อ.ไชโย จ.อ่างทองในปัจจุบัน ชุมชนมุสลิมจากปัตตานีได้เติบโต จากครอบครัวหนึ่งขยายเป็นหลายครอบครัว จนในปี 2568 ประมาณว่า มีมุสลิมอยู่ในจังหวัดอ่างทอง ประมาณ 5,000 คน มีมัสยิด 3 แห่ง 2 แห่งที่อ.ไชโย และ 1 แห่ง ในอ.เมือง ประกอบด้วย มัสยิดอัลยุสรอสามัคคี มัสยิดซิรอตุ้ลลอฮ์ และมัสยิดนูรุ้รเราะฮ์ฮีม
โดยมีการบริจาคที่ดินก่อสร้างมัสลิด เมื่อประมาณปี 2452 ผ่านมากว่า 100 ปี มัสบิดไม่มีเอกสารสิทธิ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย จนเมื่อปี 2568 กระบวนการออกโฉนดที่ดินจึงสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี มีนายอรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบ

แต่กว่ากระบวนการออกโฉนดจำสำเร็จลุล่วง ก็ต้องใช้เวลาและขั้นตอนการทำงานพอสมควร เริ่มจากเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568 ณ งานโรงเรียนอิสลามศรีอยุธยามูลนิธิ มีจุฬาราชมนตรี เป็นประธานในพิธี มีบุคคลมาขอถ่ายรูปกับคุณพีรพจน์ เมธาพงศ์บริบูรณ์ ทราบชื่อภายหลังชายคนนั้นคือคุณกฤษดา นาคประวิตร มีตำแหน่งเป็นรองประธานคณะกรรมอิสลามประจำจังหวัดอ่างทองและเป็นสัปบุรษของมัสยิดนูรู้รร่อฮีม บ้านชะไว คุณพีรพจน์ถามคุณกฤษดาว่ามัสยิดของคุณมีโฉนดแล้วหรือยัง คุณกฤษดาตอบว่า มีโฉนดเรียบร้อยแล้ว คุณพีรพจน์ กล่าวตอบว่า พรุ่งนี้( 3 ก.พ.)จะตรวจสอบข้อมูลให้ว่าโฉนดมีจริงแล้วหรือไม่

ผลการตรวจสอบว่า ที่ตั้งมัสยิดและกุโบร์ไม่มีโฉนดทั้งสองแห่ง คุณพีรพจน์จึงแจ้งให้คุณกฤษดาทราบ และบอกว่า จะประสานกับ คุณประภัสร์ รื่นภาคเพ็ชร เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดอ่างทอง เพื่อดำเนินการขออออกโฉนดที่ดิน แปลงที่ตั้งมัสยิดและกุโบร์ให้ จากการเจรจานายประภัสร์ ยินดีรับการออกโฉนดให้ คุณพีรพจน์จึงขอทะเบียนมัสยิด (มอ.2) จากคุณกฤษดา เพื่อส่งต่อส่งต่อไปให้คุณประภัสร์

วันที่6 กุมภาพันธ์ 2568 คุณพีรพจน์ ได้นัดหมายให้คุณกฤษดาพร้อมอิหม่ามและคณะกรรมการประจำมัสยิดไปดำเนินการยื่นเรื่องขออออกโฉนดที่ดินทั้ง 2 แปลง เมื่อไปพบนายประภัสรในห้องทำงาน พบว่า การชี้ระวางที่ดินคุณประภัทร์ได้ดำเนินการทำให้เสร็จเรียบร้อยร้อยแล้ว อิหม่ามจึงลงนามในคำขอได้เลยทั้งๆที่ยังไม่มีรายงานการประชุมและหนังสือมอบอำนาจจากคณะกรรมการมัสยิด
เมื่ออิหม่าม ลงนามในคำขอแล้ว จึงได้สั่งการให้ คุณณัชนก ปิตินทรางกูร หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการและ คุณนฤดล หนองช้าง หัวหน้าฝ้ายรังวัด ไปลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบพื้นที่ดินจริง เพื่อที่จะได้วางแผนใน การรังวัดให้เสร็จสิ้นก่อนปีงบประมาณ วันที่ 21 เมษายน 2568 ได้มีการรรังวัดแปลงกุโบร์ และวันที่ 22 เมษายน 2568 ได้ทำการ รังแปลงที่ตั้งของมัสยิด ในขณะทำการอยู่ คุณประภัสร์และคุณณัชนกได้เดินมากับคุณพีรพจน์และมีเจ้าของที่ดินข้างเคียงอีกหลายราย และคุณพีรพจน์เอาระวางที่เป็น (ทค.) ที่มัสยิดอัลยุสรอสามัคดีครอบครองอยู่ คุณพีรพจน์จึงบอกให้คณกฤษดาประสานไปยังคุณบุญเสริม หนูทอง อิหม่ามประจำมัสยิด
อัลยุสรอสามัคดี เพื่อแจ้งความประสงค์ว่าจะออกโฉนดที่ดินที่มัสยิดครอบครองอยู่ให้

คุณบุญเสริม รับทราบและยินดีที่คุณประภัสร์จะออกโฉนดให้ ต่อมาในวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 ได้ทำการรังวัดเพื่อออกโฉนดให้กับมัสยิดอัลยุสรอสามัคคี ซึ่งคุณประภัสร์ ให้ความกรุณามาดำเนินการดูแลการรังเองและช่วยทำเอกสารต่างๆใน การประกอบการออกโฉนดที่ดินให้ได้ทันปึงบประมาณ
ด้วยความเสียสละและความตั้งใจอันแน่วแน่ในการปฏิบัติหน้าที่ คุณประภัสร์ รื่นภาคเพ็ชร เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดอ่างทอง ได้อุทิศกำลังกาย กำลังใจ และสติปัญญาในการดำเนินการออก โฉนดที่ดินให้แก่มัสยิดและกุโบร์ จนสำเร็จลุลล่วงด้วยความเรียบร้อย เป็นคุณประโยชน์แก่สังคมและ ศาสนาอย่างยิ่ง การกระทำดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบ ความเสียสละเพื่อ ส่วนรวมและความมุ่งมั่นที่จะอุปถัมภ์กิจการศาสนาอิสลามและสาธารณประโยชน์ สมควรได้รับการยกย่องในฐานะข้าราชการผู้เปี่ยมด้วยคุณธรรม จริยธรรม และเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคมโดยแท้จริง สำนักจุฬาราชมนตรี โดยท่านจุฬาราชมนตรี (อ.อรุณ บุญชม) จึงได้มอบโล่เกียรติยศเชิด ชูเกียรติแด่ คุณประภัสร์ รื่นภาคเพ็ชร เพื่อประกาศเกียรติคณและสดุดีคุณงามความดี อันควรค่า แก่การสรรเสริญ ยกย่อง และเป็นเกียรติประวัติอันทรงคุณค่าตราบนานเท่านาน



