โต เลิม (Tô Lâm) เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ผู้นำคนสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายการปฏิรูปเวียดนาม

โต เลิม (Tô Lâm) เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ผู้นำคนสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายการปฏิรูปเวียดนามโดยเฉพาะอย่างยิ่งการ “ปฏิรูประบบราชการครั้งใหญ่”

​🇻🇳 การปฏิรูปเวียดนามที่สำคัญในปัจจุบัน
​1. การปฏิรูประบบราชการ (Administrative Reform):
​เป้าหมาย: เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานภาครัฐ ลดความซ้ำซ้อน ลดการใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่มีประสิทธิภาพ และต่อสู้กับการคอร์รัปชัน
​มาตรการสำคัญ:
​ลดจำนวนกระทรวงและหน่วยงานของรัฐ: มีการยุบรวมกระทรวงและหน่วยงานบางส่วน
​ลดจำนวนข้าราชการ: มีแผนลดตำแหน่งงานข้าราชการและพนักงานรัฐลงเป็นจำนวนมาก (เช่น มีรายงานแผนลดลงถึง 100,000 ตำแหน่ง) โดยใช้วิธีเกษียณอายุก่อนกำหนดหรือเลิกจ้าง
​เปลี่ยนระบบการเลื่อนตำแหน่ง: เปลี่ยนจากระบบอาวุโสไปเป็น ระบบคุณธรรม (Merit System) เพื่อให้คนที่มีความสามารถได้ขึ้นมาทำงาน
​ยุบรวมหน่วยงานท้องถิ่น: มีการพิจารณายุบรวมระดับอำเภอและจังหวัดบางส่วนเพื่อลดความเทอะทะของโครงสร้าง
​2. การปราบปรามคอร์รัปชัน (Anti-Corruption Campaign):
​นโยบาย “เตาผิงลุกโชน” (Blazing Furnace/Dot Lo): เป็นการปราบปรามการทุจริตอย่างเข้มข้นในทุกระดับชั้นของพรรคและรัฐบาล ส่งผลให้มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงจำนวนมากถูกสอบสวนและลงโทษ การดำเนินการนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างความโปร่งใสและเรียกคืนความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุน
​3. การผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจ:
​การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน: เร่งรัดการก่อสร้างเมกะโปรเจกต์ด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนวงแหวน รถไฟ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
​ดึงดูดนักลงทุน: การปฏิรูประบบราชการและการปราบปรามคอร์รัปชันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างชาติ
​มุ่งสู่เศรษฐกิจสมัยใหม่: สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และพลังงานสะอาด
​การปฏิรูปเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเวียดนามในการแก้ไขปัญหาภายในประเทศ โดยเฉพาะระบบราชการที่ล่าช้าและขาดประสิทธิภาพ เพื่อให้ประเทศมีความพร้อมและมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้นในเวทีโลก โดยมีเป้าหมายระยะยาวที่จะก้าวไปสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูง

​การปฏิรูปเป็น 2 ช่วงสำคัญ คือ นโยบาย “โด่ยเม้ย” (Đổi Mới) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการพลิกโฉมประเทศ และ การปฏิรูปปัจจุบัน ที่เน้นหนักไปที่ระบบราชการ
​🇻🇳 การปฏิรูปเวียดนาม: จาก “โด่ยเม้ย” สู่การ “รื้อระบบราชการ”
​1. โด่ยเม้ย (Đổi Mới) – การปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งใหญ่ (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1986)
​”โด่ยเม้ย” (Đổi Mới) ในภาษาเวียดนามแปลว่า “บูรณะ” หรือ “ดำเนินการใหม่” เป็นนโยบายปฏิรูปที่ริเริ่มโดยพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามในปี ค.ศ. 1986 เพื่อกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจที่ล้มเหลวจากระบบการวางแผนจากส่วนกลาง (ระบบคอมมิวนิสต์แบบดั้งเดิม)

​หลักการสำคัญ:
​เปลี่ยนผ่านสู่ระบบเศรษฐกิจแบบกลไกตลาด (Market-Oriented Economy): แม้จะยังคงการปกครองแบบพรรคคอมมิวนิสต์เดียว แต่เศรษฐกิจถูกเปิดเสรีมากขึ้น
​เปิดรับการค้าและการลงทุนจากต่างชาติ (FDI): ออกกฎหมายที่เอื้อต่อการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
​ส่งเสริมภาคเอกชน: ลดการผูกขาดของรัฐและสนับสนุนให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
​เสรีราคา: ยกเลิกการกำหนดราคาสินค้าเกษตรและอาหารโดยรัฐ ทำให้ราคาเป็นไปตามกลไกตลาด
​ผลลัพธ์: โด่ยเม้ยทำให้เวียดนามเปลี่ยนจากประเทศที่ยากจนและประสบปัญหาการขาดแคลนอาหาร กลายเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรรายสำคัญ (เช่น ข้าวและกาแฟ) ดึงดูดเม็ดเงิน FDI มหาศาล และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในโลก
​2. การปฏิรูปในปัจจุบัน (โด่ยเม้ย 2.0 / ยุคหลัง)
​การปฏิรูปในปัจจุบัน โดยเฉพาะภายใต้การนำของผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เช่น นายโต เลิม (Tô Lâm) มีความพยายามที่จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาหลังความสำเร็จของโด่ยเม้ยดั้งเดิม

​A. 🚨 การปฏิรูประบบราชการเพื่อประสิทธิภาพและความโปร่งใส
​นี่คือส่วนที่กำลังเกิดขึ้นอย่างเข้มข้นในปัจจุบัน และเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิรูปยุคใหม่ (ที่บางคนเรียกว่า “โด่ยเม้ย 2.0”):
​การยุบรวมหน่วยงาน:
​ลดจำนวนกระทรวง/หน่วยงานรัฐ: มีการยุบรวมบางกระทรวงและหน่วยงาน เพื่อลดความซ้ำซ้อน
​ยุบรวมการปกครองส่วนท้องถิ่น: มีแผนการควบรวมจังหวัดและอำเภอที่มีขนาดเล็กเข้าด้วยกัน เพื่อลดความเทอะทะของโครงสร้าง ลดจำนวนเจ้าหน้าที่ และให้การพัฒนาพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

​การลดจำนวนข้าราชการ:
​เป้าหมายการลดคน: มีแผนที่จะลดจำนวนข้าราชการและพนักงานของรัฐลงอย่างมีนัยสำคัญ (มีรายงานแผนการลดคนตั้งแต่ 100,000 ไปจนถึง 250,000 คน)

​การจ่ายค่าชดเชย: รัฐบาลเตรียมเงินจำนวนมากสำหรับค่าชดเชยแก่ผู้ที่เข้าร่วมโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด หรือถูกเลิกจ้าง

ใช้ระบบคุณธรรม (Merit System): เลิกใช้ระบบอาวุโสในการเลื่อนตำแหน่ง และเริ่มใช้การประเมินผลงานที่เข้มงวด หากข้าราชการมีผลงานไม่เข้าเป้าหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ อาจถูกปรับลดตำแหน่งหรือให้ออกจากราชการ

​การปราบปรามคอร์รัปชันอย่างต่อเนื่อง:
​เน้นย้ำนโยบาย “เตาผิงลุกโชน” (Blazing Furnace) อย่างเข้มข้น เพื่อจัดการกับการทุจริตในทุกระดับ ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน

​B. ⚙️ การยกระดับเศรษฐกิจสู่ยุคดิจิทัลและนวัตกรรม
​ยกระดับภาคเอกชนท้องถิ่น: เพื่อลดการพึ่งพา FDI มากเกินไป โดยมีมาตรการส่งเสริม SME และสนับสนุนการสร้าง “แชมป์ชาติ” (National Champions) ที่สามารถแข่งขันในระดับโลกได้
​การลงทุนในเทคโนโลยีและทุนมนุษย์: เน้นการพัฒนาแรงงานทักษะสูง, สนับสนุนสตาร์ทอัพ, และยกระดับการศึกษา โโดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลย

การปฏิรูปเวียดนามในวันนี้คือการสร้าง “รัฐที่ผอมลง, เป็นดิจิทัล และรวดเร็ว” (Lean, Digital, Fast) เพื่อให้ประเทศสามารถก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลางและกลายเป็นประเทศพัฒนาแล้วก่อนที่สังคมจะเข้าสู่สังคมสูงวัย