เปิดโปงใคร คือ ผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มติดอาวุธภาคใต้

5520

วันที่ 27 กรกฎาคม 2557 เพจแฉความลับ โดยเสธน้ำเงิน ได้เขียนถึงที่มาของกลุ่มติดอาวุธในชายแดนภาคใต้เอาไว้อย่างน่าสนใจ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้….
สภาพปัญหาชายแดนใต้ของไทย (ประกอบไปด้วย ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และอำเภอที่ติดชายแดนมาเลเซีย ของจังหวัดสงขลา อันได้แก่ อำเภอจะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย) ความรุนแรงที่มีประชาชนในพื้นที่ ช่วง 10 ปี ที่ผ่านมานี้ เกิดเหตุกว่า 9 พันครั้ง

ตายเกือบ 6 พันราย เจ็บกว่า 1 หมื่นราย ทหารเสียชีวิตกว่า 500 นาย ตำรวจกว่า 300 นาย ครูเกือบ 200 ราย ใช้งบประมาณแก้ปัญหาประมาณปีละ 2 หมื่นล้านบาท สามารถวิเคราะห์สรุปปัญหาความรุนแรง ถึงปัจจุบันได้ 4 ช่วงเวลา คือ

1. ระยะแรก (ก่อนปี 2544)..มาเลเซียต้องการยึดครอง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่มีอังกฤษให้การสนับสนุน จากความต้องการทางการเมืองที่เคยถูกสยามยึดและควบรวมดินแดนสมัยต้นรัตนโกสินทร์ โดยมีผู้สั่งการก่อความรุนแรง สั่งมาจากมาเลเซีย คือ อดีตสุลต่าน หรืออดีตกษัตริย์รัฐปัตตานี , กลุ่มวาดะห์ ร่วมกับ กลุ่มเบอร์ซาตู

ระยะนี้สถาบันเบื้องสูงไทย ได้มีบทบาทคลี่คลายสถานการณ์เบาบางลง เนื่องจากสถาบันเบื้องสูง 2 พระองค์ ได้ทรงไปพบหารือกับพระราชาธิบดีของมาเลเซีย จึงมีการจับกุมอาวุธ ผู้ก่อการในมาเลเซีย

2. ระยะต่อมา ( ปี 2544 – 2549 )..คนแดนไกลเป็นนายกฯ มีการสั่งให้ใช้นโยบาย “กำปั้นเหล็ก” โดยการ อุ้ม ฆ่า ผู้ที่สงสัยก่อความรุนแรง และมีการสังหารหมู่คนมุสลิมจำนวนมาก เช่น กรณีปิดล้อมสังหารในมัสยิดกรือเซะ , กรณีสังหารหมู่ผู้ประท้วงที่โรงพักตากใบ , การอุ้มฆ่าทนายสมชาย และ แกนนำในพื้นที่ๆ คนมุสลิมนับถืออีกจำนวนมาก..เพียงแค่สงสัย !!
เค้าลางต่อมาตั้งแต่ปี 49 คนแดนไกลเริ่มคิดแผนแบ่งประเทศไทย ออกเป็นหลายประเทศ หรือ การแบ่งแยกดินแดน โดยใช้วาดะห์ และมีการสร้างกลุ่มติดอาวุธลับๆ ที่แยกตัวมาใหม่ อีกหลายกลุ่ม เช่น BRN ฯลฯ ประจวบกับเกิดขบวนการค้าของผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์ ค้ายาเสพติด ค้าน้ำมันเถื่อน เข้ามาผสมโรงกัน

3. ระยะกลาง ( ปี 2550 – 2555 )..ทั่วโลกการแย่งชิงแหล่งพลังงานกำลังเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก เพราะพลังงานในตะวันออกกลางใกล้จะหมด ในอีกไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า ก็จะเกิดวิกฤติพลังงานขึ้น ประเทศยักษ์ใหญ่มหาอำนาจ จึงมุ่งหน้าใช้สรรพกำลังเต็มอานุภาพในการแย่งชิงกันอย่างหนัก และชิงแหล่งพลังงานในอ่าวไทย “ ในบล็อกที่ 3 “ที่เป็นส่วนหางของแหล่งน้ำมันที่เชื่อมต่อเป็นสายพลังงาน มาจากหมู่เกาะสแปรตลีย์
สหรัฐฯ ถึงกับขอรัฐบาลปูเน่า มาตั้งฐานตรวจอากาศในไทย โดยเป้าหมายแท้จริงๆ 2 ประการ คือ ประการแรกเป็นจุดที่ใช้ไทยเป็นสงครามตัวแทน ก่อสงครามหยุดยั้งการแผ่อิทธิพลจีนในเอเซียใต้ ถึงขนาดรีบส่งผู้บัญชาการทางทหารมาไทยทันที และประการสองเพื่อสำรวจแหล่งพลังงานในทะเลจีนใต้ ตรงหมู่เกาะสแปรตลีย์ รวมทั้งในอ่าวไทยในบล็อกที่ 3 ใกล้จังหวัดชายแดนใต้จุดนี้ด้วย

หากผู้ใดได้สิทธิการครอบครอง อ่าวไทยในบล็อกที่ 3 ก็จะมีมูลค่าโคตรมหาศาลมากกว่า 7 แสนล้าน-ล้านบาทที่เดียว เผาไทยจึงมีความพยายาม ทำท่าจะสมยอมกับเขมร ให้ไทยเสียเขาพระวิหาร

ถึงกับส่งคนไปเจรจากับวีระ ในคุกเขมรถึง 3 ครั้ง เพื่อให้ยอมรับว่ารุกดินแดน จะได้เป็นข้ออ้าง รวบรัดยกดินแดนให้เขมร เป็นต้นเหตุที่ทำให้ ทั้งมาเลเซีย และเขมร พยายาม ที่จะอ้างสิทธิเข้าครอบครองพื้นที่ทางทะเลในอ่าวไทย ทับซ้อนกับไทย ทำให้เขมรมีการอ้างเขตแดนเขาพระวิหารไปฟ้องศาลโลกซ้ำ โดยมีฝรั่งเศสหนุนหลัง

แต่ศาลโลกไม่ได้ฟันธงให้เขมรชนะ แค่ให้ 2 ประเทศไปหารือตกลงกันแบบสันติ ประเทศไทยจึงไม่ถูกฉีกแบ่งแยกดินแดนเขาพระวิหารทันที และแผนที่ละติจูด ลองติจูด เพียงแค่ 1 องศาตรงบนยอดเขาพระวิหาร จุดแบ่งดินแดนเท่านั้น อาจจะส่งผลให้เขมร ได้พื้นที่ในทะเลแหล่งพลังงานไปด้วย ซึ่งเรื่องนี้ผลีผลามไม่ได้ จะขัดมติศาลโลก และเกิดสงครามรบพุ่งกัน

คนเอามัน ก็ยุให้ไทยใช้กำลังทหารบุกไปเอาดินแดนคืนมาเลย คิดเช่นนั้นก็ขอเกณฑ์ทุกคนที่พูดเหล่านั้นเป็นทหารแนวหน้า ติดอาวุธให้แล้วส่งเดินหน้าออกรบชายแดนไปเลยสัก 1 ปี จะได้เข็ดไม่พุดเอามันอย่างเดียว เพราะการสู้รบกันมันใช้ในยามผู้นำประเทศ พูดกันไม่รู้เรื่องแล้วเท่านั้น และทหารทั้ง 2 ฝ่ายก็ตาย ญาติก็เสียใจ

ราษฎรตลอดแนวชายแดน ไม่เฉพาะจุดสู้รบ เดือดร้อนหมด ลูกปืนใหญ่ตกใส่หลังคาบ้าน นักเรียนต้องหลบในบังเกอร์หลบภัย แต่คนที่ยุ ด่ากราด ตะโกน หรือโพส กลับอยู่ในกรุงเทพ ไม่คิดถึงจิตใจทหาร และชาวบ้าน ลูกเด็กเล็กแดง แนวชายแดนตาดำๆ

ถ้านึกภาพไม่ออก ให้ดูฉนวนกาซ่า ว่าสภาพเป็นอย่างไรเวลาเกิดสงคราม และตอนนี้ ไทย – เขมร มีสัมพันธ์ดีต่อกัน กระทรวงกลาโหมของไทย เพิ่งต้อนรับ พล.อ.เตีย บัน รมต.กลาโหม กัมพูชา และคณะอย่างสมเกียรติ ตอกย้ำความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ระหว่าง 2 ประเทศ เพราะมีตั่วเฮียจีนเป็นกาวใจ คอยปรามเขมรไว้

ดังนั้นเรื่องดินแดน ต้องใช้คณะกรรมการชายแดนท้องถิ่นระหว่าง 2 ประเทศ (JBC) ประชุมเจรจากันไป ตรงไหนเห็นตรงกัน ก็ปักปันเขตแดนไปเรื่อยๆ จุดใดเห็นต่างกันก็เว้นไว้ ไม่มีใครได้ดินแดนพิพาทไปทั้งสิ้น ตามที่มีบางพวกยังโพทบิดเบือนด่ากราดยุยงอยู่ คนที่ไม่รู้ก็หลงเชื่อ จะทะเลาะยิงกันไปทำไม ในเมื่อสงครามใหญ่จากชาติตะวันตกจะมา ภัยร้ายแรงกว่าเขตแดนอีกมากนัก
NN.