คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย และนายกล้าณรงค์ จันทิก สมาชิกสนช.และอดีตกรรมการปปช.เข้าร่วมนายสุรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้ ประเทศไทยกำลังหาจุดสมดุลใหม่ให้กับตัวเอง 83 ปีที่ผ่านมา ระบอบประชาธิปไตยของเราถือว่าล้มเหลว ระบบไม่มีเสถียรภาพ ซึ่งปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากพรรคการเมืองพร้อมเห็นว่า พรรคการเมือง จะต้องมีอุดม การณ์และนโยบายที่ชัดเจน และต้องไม่มีการควบรวมหลังการเลือกตั้ง เพื่อต่อรองเรื่องตำแหน่ง หรือผลประโยชน์
“เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีกฎหมายห้ามควบรวมพรรคการเมืองเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง เพื่อไม่ให้ใช้เสียงข้างมากไปอนุญาตทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นอย่าให้คะแนนเสียงของประชาชนเป็นสินค้า อย่าให้การเลือกตั้งเป็นการตลาด กรอบกฎหมายใหม่ต้องป้องกันสิ่งเหล่านี้ไม่ให้เกิดขึ้น” ดร.สุรินทร์ กล่าว
ดร.สุรินทร์ ยอมรับว่าเสียงข้างมากเป็นสิ่งจำเป็นในระบอบประชาธิปไตย แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมถึงต้องมีสำนึกดี แม้กฎหมายไม่ห้ามไว้ และเห็นว่าจะต้องมีความชัดเจนระหว่างพรรค การเมืองกับราชการ ไม่ให้เกิดระบบอุปถัมภ์ จนทำให้ระบบราชการอ่อนแอ ขาดบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถเข้าไปทำหน้าที่ จนเกิดวลี “มีวันนี้เพราะพี่ให้” และเห็นว่าพรรคการเมืองต้องไม่ยอมให้นายทุนที่ช่วยเหลือพรรคการเมืองเข้ามาลงทุน แต่พรรคจะต้องเชื่อมโยงกับประชาชนและทำให้ประชาชนมีส่วนในการคัดเลือกผู้แทน พรรคการเมืองจะต้องไม่สร้างกลไกทางการเมืองเพื่อควบคุมระบบของประเทศทั้งหมด ดังนั้น กฎหมายใหม่จะต้องป้องกันสิ่งเหล่านี้ไม่ให้เกิดขึ้น พรรค การเมืองจะต้องทำให้การเมืองเข้มแข็ง เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการบริหาร และทำให้ประเทศ ไทยสามารถแข่งขันในเวทีโลกได้
ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เราเป็นประเทศหนึ่งในโลกที่ทำลายสถิติปฏิวัติรัฐประหารมากที่สุด จึงต้องมององค์รวมว่าเกิดอะไรขึ้นกับประชาธิปไตยไทย ซึ่งผู้ที่มีบทบาทหน้าที่โดยตรงคือพรรค การเมืองและนักการเมือง โดยเราอยู่บนสมมติฐานที่ว่านักการเมือง พรรคการเมืองเลว จึงต้องตัดปัญหาวงจรอุบาทว์ของพรรค การเมืองและนักการเมือง
“เพราะเราไม่ได้เชื่อและศรัทธาในอำนาจประชาธิปไตยประชาชน แต่เชื่อว่าประชาชนยังด้อยพัฒนา ไม่มีความรู้พอ เราจึงใช้วิธีพิเศษเข้ามาตัดตอนอำนาจตลอดเวลา 83 ปีเราใช้วิธีนี้มาตลอดและไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหา แต่เป็นการเกิดของกับดักและหลุมดำของปัญหามากขึ้น ดังนั้นนักการเมือง และพรรคการเมืองต้องร่วมรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวและว่า จะต้องปฏิรูปตัวเองในโอกาสนี้ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้เว้นวรรคทางการเมือง ไปทบทวนบทบาทและบทเรียนที่ผ่านมา เพื่อวางแผนพัฒนาการเมืองและนโยบายพรรคการเมืองที่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาประเทศ
คุณหญิงสุดารัตน์ เห็นว่าการปฏิวัติไม่สามารถแก้ปัญหานักการเมืองทุจริตได้ วันนี้การร่างรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นใหม่ อย่าตั้งโจทย์ว่าการเมือง นักการเมืองเลวต้องกำจัด ถ้าเรายังตั้งโจทย์เดิมก็กำจัดไม่ได้ ปัญหายังวนอยู่อย่างเดิม แต่ถ้าเราเปลี่ยนพยายามเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นเปลี่ยนจากคำว่ากำจัดเป็นพัฒนาและใช้โอกาสการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ครั้งนี้ เป็นโอกาสทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้ได้ อย่าเอาแค่ความคิดของคณะกรรม การร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) 21 คน แล้วเขียนรัฐธรรมนูญว่าต้องกำจัดสิ่งเลวร้ายทางการเมือง เพราะถ้ายังคิดแบบนั้น จะหนีไม่พ้นวงจรเดิม